อดีตพระพรหมดิลก-ผู้ช่วยฯ ทำพิธี กลับห่มจีวรเป็นพระภิกษุ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หลังจากที่ศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องคดีเงินทอนวัด อดีตพระพรหมดิลก-และอดีตพระอรรถกิจโสภณ กลับถึงวัดสามพระยาโดยเข้าทำพิธีในพระอุโบสถ และกลับห่มจีวรเป็นพระภิกษุ ด้านทนายความเผยไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งทางพระธรรมวินัย และทางกฎหมาย

อดีตพระพรหมดิลก - ผู้ช่วยฯ กลับห่มจีวร ทำพิธีในวัดสามพระยา หลังอุทธรณ์ยกฟ้องเงินทอนวัด

เรียกร้องพศ.ขอขมาพระเถระ คืนสมณเพศและสมณศักดิ์

ภายหลังเดินทางกลับมาถึงวัดสามพระยาแล้ว ทั้งอดีตพระพรหมดิลก และอดีตพระอรรถกิจโสภณ ผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินคดีเงินทอนวัด ได้กลับครองจีวรสู่สมณเพศ มีการสวดมนต์บทสังฆปิติถวายในพระอุโบสถ พร้อมอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้องในคดีเงินทอนวัดภายในพระอุโบสถต่อหน้าคณะสงฆ์
ทั้งนี้พระทั้ง 2 รูป ได้กลับมาครองจีวรถือสมณเพศ ซึ่งไม่ได้อุปสมบทใหม่ แต่เป็นการกลับมาครองจีวร โดยอ้างว่ามิเคยเปล่งวาจาสึกแต่อย่างใดนับตั้งแต่ต้องคดี

ด้านนายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ กล่าวว่า การดำเนินคดีกับอดีตพระพรหมดิลก และอดีตพระอรรถกิจโสภณ ไม่มีความเป็นธรรมมาตั้งแต่ต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการออกหมายเรียก แต่กลับมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุมตัวเลย ส่วนขั้นตอนตามพระธรรมวินัยก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการ เพราะอดีตพระพรหมดิลก เป็นถึงกรรมการมหาเถรสมาคม ตามขั้นตอนแล้วต้องกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช และตั้งคณะวินัยธรขึ้นมาสอบสวนก่อน หากพบว่ามีความผิดจึงดำเนินการกล่าวโทษทางอาญา จึงกล่าวได้ว่าการดำเนินคดีดังกล่าวอดีตพระพรหมดิลก และอดีตพระอรรถกิจโสภณ ไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งทางพระธรรมวินัย และทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงการฟ้องกลับแต่อย่างใด

ด้านนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ในฐานะโฆษก พศ. กล่าวว่าถึงกรณีที่อดีตพระพรหมดิลก และอดีตพระอรรถกิจโสภณ ไม่ได้เปล่งวาจาสึก และกลับไปห่มจีวร ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องพระธรรมวินัย ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์เป็นผู้พิจารณาต่อไป

สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้อง นายเอื้อน กลิ่นสาลี หรือ อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา กทม. กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า เรื่องการขออนุมัติงบศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น หาใช่เฉพาะวัดที่มีโรงเรียนศึกษาพระปริยัติธรรม แต่วัดสามพระยามีโรงเรียนสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ย่อมมีสิทธิ์ในการใช้งบดังกล่าว จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลภายนอกไม่เกี่ยวกับสำนักงาน พศ. ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยทราบว่าเงินเกี่ยวกับการกระทำความผิด

ในหนังสือระบุได้รับเงินเกี่ยวกับการบูรณะปฏิสังขรณ์ แสดงว่าจำเลยที่ 1 เข้าใจว่าเป็นงบบูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อได้รับงบ 5 ล้านบาทตามเช็คแล้ว จำเลยได้มอบอำนาจให้มีการถอนเงินจ่ายค่าก่อสร้างอาคารร่มธรรม วัดมีการก่อสร้างอาคารและโอนเงินชำระหนี้จริง โดยจำเลยจ่ายเงินให้ผู้ดูแลการก่อสร้าง เชื่อได้ว่าจำเลยในฐานะผู้ดูแลวัดได้นำเงินไปทำนุบำรุงวัด แม้วัดสามพระยาไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม และไม่ได้นำเงินไปใช้โดยตรง ก็ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนทรัพย์สินที่เป็นการกระทำความผิดมูลฐานฟอกเงิน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย จึงเห็นว่าจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ พิพากษาแก้เป็นยกฟ้อง

ศาลสั่งจำคุก 6ปี “อดีตพระพรหมดิลก"ฟอกเงินทอนวัด

 

 

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ