จากกรณีที่เกิดเหตุแก๊งวัยรุ่นเกือบ 100 คน รวมตัวกันขับขี่รถจักรยานยนต์มากกว่า 30 คัน ก่อเหตุสาดกระสุนหลายนัด ขณะออกจากงานเทศกาลไหม จ.บุรีรัมย์ เป็นเหตุให้ น.ส.ปอย อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน อ.นาโพธิ์ ตัวแทนประกวดธิดาไหม ถูกกระสุนเจาะเข้าบริเวณหลังด้านซ้ายทะลุหน้าอกเสียชีวิต และกระสุนนัดเดียวกันยังทะลุไปโดนหลังของนายกิต อายุ 18 ปี แฟนหนุ่ม ได้รับบาดเจ็บ
ช่างสักใจดี เปลี่ยนงูเขียวหัวโม่ง กลายเป็นพญานาค
นางสายฝน อายุ 39 ปี ผู้เป็นแม่ที่ยังช็อกและทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูกสาว ร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่หน้าโลงศพสร้างความสลดใจแก่ญาติและชาวบ้านที่มาร่วมงาน ต่างช่วยกันปลอบใจ
นางสายฝน เผยว่า ลูกสาวเป็นคนน่ารัก นิสัยดี ได้รับเลือกจากทางโรงเรียนให้เป็นตัวแทนถือป้าย และทำกิจกรรมบ่อยครั้ง แต่ไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับลูกสาว ส่วนมือปืนตนเองคาดว่าน่าจะเป็นลูกคนมีสี ที่เคยมีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ และอยากให้กฎหมายลงโทษคดีแบบนี้ให้แรงถึงประหารชีวิต
ขณะที่นายกิต(นามสมมติ) แฟนหนุ่ม ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนยิงเข้าที่หลัง ยืนยันว่า ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกับใครในงาน แต่ขณะขับรถกลับก็มีกลุ่มวัยรุ่นสาดกระสุนใส่หลายนัดไม่ทราบสาเหตุ ด้วยความตกใจจึงพากันขับรถแยกย้ายกันหลบหนี ตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่าแฟนที่นั่งซ้อนท้ายถูกยิง และหากย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่พากันไปเที่ยวงาน
ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวนภ.จว.บุรีรัมย์ ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.นาโพธิ์ จับกุมหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ได้แล้ว 1 คน เป็นวัยรุ่นในพื้นที่ อ.นาโพธิ์ อยู่ระหว่างการสอบปากคำ หาผู้ร่วมก่อเหตุเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเบื้องต้นกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ยิงปืนในที่สาธารณะ และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
ไล่ออก !! ครูทำร้ายเด็กอนุบาล โรงเรียนช่วยผู้ปกครองดำเนินคดี
นางแดง อายุ 55 ปี ป้าน้องปอย เล่าทั้งน้ำตาว่า หลานสาวเป็นคนหน้าตาดีจนได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไปทำกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน และล่าสุดได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของตำบลเข้าประกวดนางงามธิดาผ้าไหม ในงานเทศกาลไหมประจำปีของ อ.นาโพธิ์ แต่กลับต้องมาเสียชีวิตก่อนจะขึ้นเวลาประกวดเพียงวันเดียว เสียใจมากเพราะหลังจากหลานได้รับเลือกก็มาซ้อมรำให้ตนเองดูทุกวัน ถามตลอดว่า "หนูรำสวยมั้ย" พูดแล้วก็คิดถึงหลานไม่คิดว่าจะมาจากไปแบบนี้ หากเป็นไปได้ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ลงโทษประปารชีวิตให้ตายตกตามกันไปเลย เพราะฆ่าคนบริสุทธิ์ตายทั้งคน
ด้านนางญาดา โพธิแสง ชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า ปกติถนนสายดังกล่าวจะมีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นกลุ่มแก๊งผ่านทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลหรือมีงานประเพณีต่างๆ ก็จะรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ 30 – 40 คัน ที่ผ่านมาก็จะมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยมีไม้มีมีดกันบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยรุนแรงเท่าครั้งนี้ที่ถึงขั้นใช้อาวุธปืนจนทำให้มีคนเสียชีวิต ก็อยากฝากให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองช่วยกวาดล้างปราบปรามอาวุธปืนเถื่อน หรือผู้ที่ครอบครองอาวุธโดยผิดกฎหมายด้วย เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก เพราะทุกวันนี้อาวุธหาซื้อได้ง่าย