“ผู้นำองค์กรแบกรับคนเดียว รับปัญหาทั้งทางตรงทางอ้อม เชื่อว่าผบ.ตร.คนใหม่ จะนำพา ผ่านปัญหาได้ เพราะมีความรู้ความสามารถผ่านประสบการณ์มามากมาย” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 11 กล่าวความในใจในการส่งไม้ต่อมอบตำแหน่ง ผบ.ตร.ให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนต่อไป
หนังสือ “ในความทรงจำ In Memories” ที่ระลึกเกษียณตำแหน่ง ผบ.ตร.และนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ ดร.บุษบา ชัยจินดา บันทึกเรื่องราว 5 ปี ในตำแหน่ง ผู้นำองค์กรตำรวจไว้
พีพีทีวี หยิบเรื่องราว จากบทบันทึกผ่านบทสัมภาษณ์พล.ต.อ.จักรทิพย์ บางส่วนมาถ่ายทอด
- ไม่คาดหวัง เป็น ผบ.ตร.
“ไม่เคยวางแผน ไม่เคยคาดหวัง จะต้องเป็น ผบ.ตร. และเชื่อว่า นักเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.)ทุกคนที่เพิ่งจบมาใหม่ๆ ไม่มีใครคิดถึงยศและตำแหน่งหรอก มีนายตำรวจสัญญาบัตร 7-8 หมื่นคน เชื่อว่ายากที่ใครจะวางแผน เป็นผบ.ตร.ไว้ล่วงหน้า”
“ชีวิตราชการช่วงแรก ร.ต.ต. ถึง พ.ต.ท. ทุกคนขอแค่อยู่โรงพักดีๆ ที่มีชื่อเสียงก็พอแล้ว ผมจบมาฝึกงานที่สน.สำเหร่ ก่อนบรรจุที่สภ.เมืองบุรีรัมย์ ยังไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่ประคองตัวไม่ให้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ขณะเดียวกัน ก็ครูพักลักจำจากรุ่นพี่ ที่คิดว่าเป็นแบบอย่างได้”
- ชีวิตราชการโดนพิษการเมือง ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
พล.ต.อ.จักรทิพย์เล่าว่า ขึ้นเป็นสารวัตร กลุ่มแรก ของรุ่น เป็น 1 ใน 20 จาก 300 คนในรุ่นนรต 36 ขึ้นเป็นสารวัตรสายตรวจ 191 จากนั้นโดนพิษการเมืองย้ายเป็นสารวัตรแผนกตรวจพิสูจน์ กองกำกับการสุนัขตำรวจ เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้กำกับการอย่างรวดเร็ว โดยเป็นรองผกก.กองปราบปราม หรือ สามยอด และขึ้นเป็นนายเวรอธิบดีกรมตำรวจ (พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา) ยศ พ.ต.อ. เป็นคนแรกๆในรุ่น
“ตอนนั้นผมเริ่มมองเห็นความก้าวหน้าที่เริ่มห่างจากเพื่อนในรุ่นแล้ว”
'จักรทิพย์' เขินตอบ ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ปัดถูกทาบทาม ตร.สั่งทำแต่งตั้งรองผบก.-สว.แล้ว
"จากนั้นผมก็โดนย้ายเข้ากรุ โดนพิษการเมืองครั้งที่ 2 เป็นผู้กำกับการกองวิชาการ สำนักงานกฎหมาย ก่อนโดนพิษการเมืองครั้งที่ 3 เป็นผกก.กองงบประมาณ และเป็นผกก.จเรตำรวจ ด้วยพิษการเมืองครั้งที่ 4 ช่วงพ.ต.อ.โดนย้ายทุกปี ไม่เคยได้อยู่ในสถานีตำรวจ ไม่เคยได้ทำงานที่ถนัดตรงกับประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถของผมเลย แต่ผมไม่เคยร้องเรียน ฟ้องร้อง หรือท้อแท้ ไม่เคยปริปากบ่น แต่กลับตั้งใจทำงานในตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง ตอนนั้นยิ่งคิดว่า ยากจะได้มาเป็น ผบ.ตร. เพราะไม่ได้อยู่บนเส้นทางที่ใช่"
พล.ต.อ.จักรทิพย์ เล่าว่า ตอนเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โดนพิษการเมืองครั้งที่ 5 ถูกย้ายเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ก่อนได้กลับมาเป็นผู้ช่วยผบ.ตร. ได้รักษาการ ผบช.น.ด้วย
“ตอนนั้นเริ่มคิดเป็น เราอยู่ในเส้นทางที่เป็นผบ.ตร.ได้ แต่ไม่ได้คิดอะไร จากนั้นขึ้นรองผบ.ตร.ในปี 2557 พอขึ้นนี้ปุ๊บ ก็รู้แล้วว่าใครบ้างจะมีสิทธิขึ้นเป็น ผบ.ตร.”
- สไตล์ "จักรทิพย์"
บิ๊กแป๊ะ บอกว่า สไตล์การทำงาน ไม่มีสมการตายตัว
"เพียงแต่ปากกับใจตรงกัน เป็นคนตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม ถ้ากล้าขอ ผมก็กล้าให้ ใครไม่ดี ผมก็ดุด่าว่ากล่าว จบก็เลิกกัน ผมไม่ติดใจ ไม่อาฆาตพยาบาท ไม่จดจำ ไม่ผูกใจเจ็บ อีกอย่างใครมาหาปรึกษาผม ผมต้องมีคำตอบให้ ผมไม่เคยหนีปัญหา นี่คือตัวผม ใครคบผม100% ผมก็ให้กลับไป 100% แต่ใครคบผม 20%ผมก็ให้กลับ 20% เหมือนกัน"
“สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอยู่รอดปลอดภัยมาได้ การวางตัว ผลงานก็เป็นองค์ประกอบหนึ่ง ผมถือว่า "ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว" อีกส่วนหนึ่งผมคิดว่าโชคชะตาก็ดี ดวงดาวก็ดี มีผลมาก ช่วงเกิดเหตุสำคัญขึ้นในชีวิต ผมจะใช้วิธีดูดวง ใครไม่เชื่อ แต่ผมเชื่อนะ ผมดูเพื่อเป็นแนวทาง ดูว่าช่วงไหนควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร"
"ผมเชื่อว่าคนที่เป็นผู้นำต้องรู้เรื่องนี้ควบคู่ไปด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสุภาษิตจีนที่ว่า "คนคิด ไม่อาจฝืนลิขิตฟ้า" ทุกอย่างถูกลิขิตมาหมดแล้ว การเป็นผบ.ตร.เป็นตำแหน่งเพียงหนึ่งเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของบุญวาสนาด้วย ผมไม่เคยพูด แต่เกษียณแล้วขอพูด ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พฤหัสเสวยอายุ ซึ่งถ้าถามหมอดู จะรู้ว่าหมายถึงอะไร"
"ผมเป็นคนเปิดเผย จริงใจ ง่ายๆ ไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่ขออย่างเดียวอยู่กับผมต้องมีวินัย ผมพูดต้องเชื่อ ผมสั่งต้องทำ ผมเป็นผู้บังคับบัญชาของพี่ๆ และผมเป็นน้องของพี่ จะเลือกสวมหมวกใบไหนในการปกครองแล้วแต่กรณี"
"ตอนผมเป็น ร.ต.ต. ร.ต.ท.นายเรียกให้สแตนด์บายรอขับรถตอนตี 3 เช้าแค่ไหนก็ต้องตื่น ผมเอาตัวผมเองเป็นมาตรฐาน ผมจะสอนน้องๆเสมอ พี่เป็นยังไง ก็อยากให้น้องเป็นเหมือนกัน วันหนึ่งข้างหน้า จะได้ประสบความสำเร็จ"
- 5 ปีที่ภูมิใจ
“ผมภาคภูมิใจที่มีโอกาสบำบัดทุกข์บำรุงสุข แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ให้ประชาชน ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในองค์กรตำรวจมากขึ้น ภูมิใจที่ได้ทำงานกับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆในคดีสำคัญต่างๆ คลี่คลายคดีจนสำเร็จ ทุกคดีผมไม่สามารถทำคนเดียวได้ แต่เป็นความสำเร็จร่วมกันของทีม”
- คู่ชีวิต ดร.บุษบา ชัยจินดา
“อาจารย์จุ๋ม เปรียบเสมือนคู่ทุกข์ คู่ยาก เป็นคนอดทน สมถะ ดูแลบ้าน ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี คอยให้กำลังใจ แบ่งเบาภาระ ทำให้ผมทำงานแบบไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง การเป็นตำรวจ ครอบครัวมีส่วนสำคัญมาก ถ้าได้คู่ครองที่ดี จะทำงานได้อย่างราบรื่น ผมโชคดีที่ภรรยาเข้ามาก้าวก่ายหรือแทรกแซงในการทำงานเลย"
- ชีวิตหลังเกษียณ
“ผมตั้งใจอยากจะบวชสักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นคงใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เดินทางท่องเที่ยวกับภรรยาและลูกๆ”
- ฝากถึงรุ่นหลัง
“อุดมคติตำรวจ 9ประการ สื่อความหมายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกด้าน ขอให้ยึดถืออุดมคติตำรวจทั้ง 9 ประการ เป็นแนวทางปฏิบัติงาน แล้วจะประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้เอง”
ส่วนหนึ่งจากหนังสือ ในความทรงจำ ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่หลังวันที่ 30 กันยายน 2563 จะเป็นเพียงอดีตผบ.ตร.
จากนี้หลายคนจับตาอดีตผบ.ตร.ผู้สร้างตำนานจะเปลี่ยนเส้นทางสู่ถนนการเมือง ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ตามที่มีข่าวคราว หรือไม่ แต่จากบันทึกนี้ ถนนถัดไปของ ผบ.ตร.จักรทิพย์ คือทางธรรม และบทบาทพ่อและสามี ส่วนจะไปสู่สายการเมืองในอนาคตหรือไม่ เจ้าตัวตอบเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้มกว้าง
"บิ๊กแป๊ะ" ส่งไม้ "สุวัฒน์" กราบตักขอบคุณ ผบ.ตร.ให้คำมั่น เทิดทูนปกป้องสถาบันฯ เผยเสียงสั่น
.