เปิดคลิป สำนวน 918 หน้า สรุปคดี "น้องชมพู่" 8 ข้อไขคดี ทิ้งปมสำคัญ เจอคนร้ายแล้ว!!


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“บิ๊กปั๊ด” แถลงสรุป ล่าสุดคดีน้องชมพู่ กางสำนวน 918 หน้า น้องชมพู่ไม่ได้ตายเอง มีคนพาขึ้นภูเหล็กไฟ เปิด 8 หลักฐานสำคัญ ชี้คดี เชื่อเจอคนร้ายแล้ว

144 วัน คดี "น้องชมพู่" ย้อนคำอธิบายจากผบ.ตร.ก่อนสรุปปิดฉากคดี

บทสรุป คดี 'น้องชมพู่' ผบ.ตร.นัดเปิดกุญแจดอกสุดท้าย เคลียร์ปริศนาไขการตาย คาดชงเรื่องอัยการ!

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) แถลงความคืบหน้า และบทสรุปคดีการเสียชีวิต ของ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ชาวบ้านกกกอก บ้านกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่หายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 โดยในการแถลงข่าว มีนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และป้าแต๋น ภรรยา ซึ่งเป็นลุงและป้าของน้องชมพู่ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจเรียกไปเก็บหลักฐาน และสอบสวนหลายครั้ง ร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย

พล.ต.อ.สุวัฒน์  ผบ.ตร.แถลงว่า นี่ไม่ใช่การแถลงปิดคดี เพียงแต่แถลงความคืบหน้าว่าตำรวจทำอะไรบ้าง

ผบ.ตร. เตรียมแถลงคืบหน้าคดีน้องชมพู่

พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.บก.สส.บก.น. ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี บรรยายสรุป คดีนี้ว่า ด้วยเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 เวลาประมาณ 09.49 น. น้องชมพู่ อายุ 3 ปี ได้หายตัวไปจากบ้านพัก ชาวบ้านจึงได้ระดมกำลังออกติดตามหาก็ยังไม่พบตัวน้องชมพู่แต่อย่างใด น.ส.สาวิตรี วงศ์ศรีชา มารดาของน้องชมพู่ จึงได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.อดิศักดิ์ ศรีจันดา พนักงานสอบสวน สภ.กกตูม จว.มุกดาหาร จากนั้นได้มีการร่วมระดมออกค้นหาอย่างหนักจนกระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 เวลาประมาณ 19.00 น. จึงได้พบน้องชมพู่ในสภาพเปลือยเป็นศพ อยู่บนเขาภูเหล็กไฟ ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีที่สะเทือนขวัญ และเป็นที่สนใจของประชาชนทั้งประเทศ

"ลุงพล"ถึงกทม.แล้ว เข้าฟังตร.แถลงคดี "น้องชมพู่"

จากการสืบสวบสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ได้มีการสัมภาษณ์พยานบุคคล จำนวน 384 ปาก และได้สอบปากคำเข้าสำนวนการสอบสวน จำนวน 120 ปาก สอบปากคำผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 13 ปาก เก็บวัตถุพยานที่เป็นหลักฐานสำคัญในคดี ตรวจพิสูจน์แล้ว จำนวน 113 ชิ้นโดยเป็นหลักฐานบนที่เกิดเหตุ 16 ชิ้น เก็บตัวอย่าง DNA บุคคล จำนวน 154 ตัวอย่าง จนถึงเวลานี้สำนวนการสอบสวนมีความหนา 918 หน้า และเมื่อวันที่11 สิงหาคม 2563 คณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนชันสูตรพลิกศพ ที่ 3/2563 โดยสรุปข้อมูลที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวนแล้วยืนยันว่า

“น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนจุดพบศพบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตนเอง” มีเหตุผลสรุป ดังนี้

1. เส้นทางขึ้นภูมี 4 เส้นทาง ที่ยากลำบากเกินความสามารถของน้องชมพู่ มีเนินชันมากกว่า 60 องศา ขวางกั้นในทุกเส้นทาง สอบปากคำพ่อแม่คนในบ้านบอกน้องยังขั้นบันไดที่บ้านไม่ถนัดทั้งที่ชัน 45 องศา

2. พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่รับประทานไปไม่เพียงพอต่อการเดินไปบนจุดพบศพ น้องชมพู่รับประทานข้าวไข่เจียว 3 คำ น้ำส้ม 1 ขวดเท่านั้น

3. ประสบการณ์ชาวบ้านยืนยันว่าเด็ก 3 ขวบ จะปีนป่ายไปถึงได้แค่ชั้นที่ 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น

4. กรณีศึกษาการหลงป่า ของ นางทิน เชื้อคมตา ชาวบ้านกกตูมชาวบ้านสามารถหาได้เจอภายในคืนเดียว

5. แพทย์ผู้ชันสูตรและกุมารแพทย์ ยืนยืนว่า พัฒนาการของเด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้

6. สภาพศพที่เปลือยกาย ซึ่งบิดาและมารดาของน้องชมพู่ยืนยันว่าน้องชมพู่ไม่สามารถถอดเสื้อเองได้

7.  พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ที่ตรวจพบเส้นผมน้องชมพู่ถูกตัดด้วยมีด เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น น้องชมพู่เฉือนเองไม่ได้

8. พ่อ แม่ คนในครอบครัวนิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่ กลัวที่สูง และกลัวป่า กลัวสุนัข กลัวสวนยาง ที่ผ่านมาของน้องชมพู่ไม่เคยไปในป่าหลังบ้านเลยสักครั้ง 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า จึงเชื่อว่ามีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้พาน้องชมพู่ไป และทำให้น้องถึงแก่ความตาย ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมซึ่งผู้กระทำผิดนั้น จะต้องมีความผิดฐาน “พรากเด็กและกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต”และมีความผิดในข้อหา ซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลาย และอำพรางศพ อีกด้วย “จากการสืบสวนสอบสวนได้ทำอย่างรอบคอบและครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว แต่ยังไม่พบพยานหลักฐานที่สามารถจะลงโทษบุคคลใด แต่จากการสืบสวนก็มีบุคคลต้องสงสัย แต่ตอนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ และหากปรากฏพยานหลักฐานเพิ่มเติมเมื่อใด ก็สามารถดำเนินคดีกับคนร้ายต่อได้ โดยระยะเวลาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ คดีไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด คดีอุกฉกรรจ์ มีระยะเวลาการสอบสวน 1 ปี นับแต่วันร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะมีการพิจารณา งดการสอบสวน แต่การสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ภายในระยะเวลาอายุความตามกฎหมาย 20 ปี”

ชุดสืบสวน เผยด้วยว่า จากข้อมูลการเล่นโทรศัทพ์ พบว่าช่วงเวลาที่น้องชมพู่หายไป คือ 09.11 - 9.49 น. ของวันที่ 11 พฤษภาคม การชันสูตรทางนิติเวชวิทยา และตรวจสอบการกีฏวิทยา หนอนแมลงวันที่พบในร่าง สรุปได้ว่า เสียชีวิตระหว่าง 12 พ.ค.เวลา 14.30 - 13 พ.ค.เวลา 14.30   

ผบ.ตร. กล่าวว่า การชันสูตรไม่พบ การล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุการตายเพราะขาดน้ำ จากผิวที่แห้งและไม่มีอาหารในกระเพาะ เเพทย์พบบาดเเผลหลายจุดเเต่ไม่มีบาดเเผลใดทำให้เสียชีวิตได้ เเละไม่พบการล่วงละเมิดทางเพศ ดังนั้นเเม้ว่าจะไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้ เเต่เป็นไปได้ว่าน้องชมพู่เสียชีวิตจากการขาดน้ำเเละอาหาร เพราะไม่พบเศษอาหารในกระเพาะอาหารเเละลำไส้เล็กส่วนบน รวมถึงอวัยวะภายในมีการเน่ามากกว่าผิวหนังภายนอก ซึ่งเป็นอาการของผิวหนังขาดสารอาหาร

“ถึงวันนี้ยังตอบไม่ได้ว่าใครเป็นคนร้าย แต่เราไม่ละเลิกการทำงาน เราเชื่อว่าน้องชมพู่ไม่ได้เดินขึ้นไปเอง อาจถูกใครบางคนทำโดยทางตรง ทางอ้อมที่ทำให้เสียชีวิต แต่ด้วยความสามารถทุกวิธีการในการสืบสวนสอบสวนเราได้ตรวจพบทุกคนที่เชื่อว่าจะอยู่กับน้องชมพู่ก่อนเสียชีวิตแล้ว คนที่จะพาน้องไปได้ต้องอยู่ในหมู่บ้านตอนนั้น เราพบหมดแล้วเพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานมัด ที่จะสามารถดำเนินคดีในชั้นศาลได้” ผบ.ตร.กล่าวว่า 

เมื่อถามว่าสามารถตัดลุงพลออกจากผู้ต้องสงสัยได้หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า จนตอนนี้ไม่สามารถตัดใครออกได้เช่นกัน เนื่องจากเราไม่มีพยานหลักฐานพอ เราไม่สามารถแถลงว่าสงสัย หรือไม่สงสัยใคร การที่ว่าใครตกเป็นจำเลยสังคม ต้องถามว่าใครเอาตำแหน่งนั้นให้

ผบ.ตร.กล่าวว่า คนที่ทำเด็ก วันเวลา ที่เด็ก หายคนที่ทำอยู่ตรงนั้น ใครเข้าถึงได้บ้าง เหลือคนเข้าถึงได้กี่คน จากการพูดคุยกับญาติพ่อแม่ พี่สาว ไม่ยอมให้ใครอุ้ม แต่เชื่อหรือไม่แล้ว แต่ข้อเท็จจริง ได้รับการยืนยัน น้องไม่ไปไหนที่แปลกหน้า ต้องดูใครเข้าถึงได้โดยไม่ร้อง หรือน้องถูกบังคับ หรือที่ คนที่ทำต้องรู้จักหรือเคยเดินในป่า แรงจูงใจ กำหนดไม่ได้ ทางเพศ เราไม่ทราบ การสืบสวน 4 เดือน ไม่ถือว่านาน สำหรับตน

ส่วนเส้นผมที่พบในที่เกิดเหตุไม่มีรากผม ทำให้ไม่สามารถตรวจ DNA แบบระบุคนได้ ทราบเพียงว่าเป็น DNA ของบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับน้องชมพู่ทางฝ่ายหญิงเท่านั้น เช่น ยาย /เเม่ /ป้า/น้า/น้อง รวมถึงไม่ได้หมายความว่า เส้นผมที่พบจะเป็นของคนร้ายเสมอไป 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันได้ว่า จากข้อมูลทั้งหมดสรุปได้ว่า ต้องมีคนใกล้ชิดหรือบุคคลพยายามบังคับพาน้องชมพู่ขึ้นไปบนจุดเกิดเหตุ จนน้องถึงเเก่ความตาย จะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม 

ทั้งนี้ยังยอมรับว่าหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ตำรวจทำงานยากนั่นคือ นิติพยานหลักฐานไม่ ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ และน้ำหนักพยานบุคคลถูกทำลาย จากการที่มีสื่อมวลชนไปสัมภาษณ์แต่ตำรวจก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจ พร้อมฝากถึงคนร้ายที่ รอฟังอยู่ ให้นอนเครียดต่อไป  ตำรวจไม่เเขวนคดีเเน่นอน
ขณะที่กลุ่มของลุงพล ที่มาฟังการแถลงขอสอบถาม ผบ.ตร.ให้ไปถามทีมสอบสวนเป็นการสอบตัว 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ