จากกรณี"ครูจุ๋ม"ครูพี่เลี้ยง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ ทำร้ายนักเรียน จนผู้ปกครองจับได้ ออกมาเคลื่อนไหวจนพบมีการทำร้ายเด็กในโรงเรียนหลายครั้ง โดยครูและพี่เลี้ยงหลายคน นำสู่การดำเนินคดี และตรวจสอบโรงเรียนนี้
“ทนายเดชา” พา “ครูจุ๋ม” แจ้งความผู้ปกครองเด็กอนุบาล ทำร้ายร่างกาย
ล่าสุดเย็นวานนี้ "ครูจุ๋ม" น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง ครูพี่เลี้ยงที่ทำร้ายเด็ก พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ "ทนายเดชา" ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ปกครองที่ทำร้ายครูจุ๋มขณะแถลงข่าว
จากเหตุนี้ทำให้สังคมตั้งคำถามกับทนายเดชา โดยเฉพาะแฟนเพจเฟซบุ๊กของทนายเดชาที่มีจำนวนมาก ต่างเข้าไปต่อว่า ตำหนิรุนแรง ถึงการเข้าไปเป็นทนายฝั่งโรงเรียนสารสาสน์และครูจุ๋ม บ้างว่าเลิกติดตาม เลิกเป็นแฟนคลับ
ทนายเดชา โพสต์ชี้แจงผ่านเพจว่า ตนทำอาชีพทนายความมา35ปี ไม่เคยทำผิดกฎหมาย หรือจริยธรรม ขอให้มั่นใจได้ และยังโพสต์ด้วยว่าตนเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนสารสาสน์ ส่วนกรณีพี่เลี้ยงที่ถูกดำเนินคดี เข้าไปช่วนเหลือในฐานะส่วนตัว คนละส่วนกัน
ทนายเดชา ชี้แจงผ่านการไลฟ์ ว่าเมื่อวานนี้เจ้าของและผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์เชิญตนไปพบ เรื่องที่เป็นคดี และขอให้ตนเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ตนจึงรับปรึกษากฎหมายตามวิชาชีพด้านกฎหมาย ใครก็ตามถูกล่าวหาคดีแพ่ง อาญา ต้องมีทนายความตามหลักปกติ สอบถามตำรวจสภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี มีครูพี่เลี้ยง ครูอย่างน้อย 13คนถูกดำเนินคดี มี ผู้อำนวยการ ผู้บริหารถูกดำเนินคดี ตนจึงรับเป็นที่ปรึกษากฎหมายเพราะทุกคดีต้องมีทนายความ ตนรับว่าความให้ มีหลายข้อหา เช่นข้อหารับคนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู เข้าเป็นครูกล่าวหาผู้อำนวยการ ส่วนกลุ่มพี่เลี้ยงโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก หน่วงเหนี่ยวกักขังฯรวมแล้วประมาณ 30คดี จำเป็นต้องมีทนายความ ตนจึงเป็นทนายให้ทั้งหมด เรื่องปกติตามวิชาชีพใครจะพอใจหรือไม่พอใจเป็นเรื่องของท่าน
“ทนายรณณรงค์” พาผู้ปกครอง แจ้งความ “ครูแวว” จับเด็กแก้ผ้ากลางห้อง
ทนายเดชากล่าวด้วยว่า กรณีพี่เลี้ยงจุ๋ม ที่แจ้งความนั้น ถูกทำร้ายร่างกายขณะแถลงข่าวที่โรงเรียน
"เธอโดนตบอย่างรุนแรง ส่วนผู้ปกครองจะมีความโกรธหรือบันดาลโทสะก็ว่ากันไป แต่ทุกคนไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายกัน เพราะผู้ปกครองแจ้งความกับครูจุ๋มแล้ว การแจ้งความเพราะถูกทำร้าย คนละการกระทำกัน ที่ครูจุ๋มทำร้ายเด็กก็ถูกดำเนินคดีแล้วเมื่อเขาเสียหายโดนตบโดนถีบ เขาก็ใช้สิทธิ์แจ้งความ"
ทนายเดชาให้สัมภาษณ์พีพีทีวีว่า ตนทำหน้าที่ทนายความตามหลักการ อยากให้ลองคิด ทนายไม่ต่างจากหมอ แม้แต่โจรเราก็ต้องรักษา โจรฆ่าคน ค้ายาก็ต้องมีทนายความเหมือนกัน ไม่ใช่ตนก็ต้องเป็นคนอื่น เพียงแต่ตนมีชื่อเสียงจึงเกิดกระแส
กรณีสารสาสน์ตนเข้าไปเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้แยกส่วนกับครูพี่เลี้ยง โรงเรียนไม่ได้มอบหมายว่าจ้างให้ตนทำคดีครูพี่เลี้ยงแต่อย่างใด แต่เป็นกลุ่มครูพี่เลี้ยงที่ขอให้ตนช่วยส่วนตัว ว่าจ้างส่วนตัวไม่เกี่ยวกับโรงเรียน เพราะเห็นตนมาเป็นที่ปรึกษาให้โรงเรียน
"ผมไม่ได้กลับดำเป็นขาวแน่นอน ยกตัวอย่างกรณีครูพี่เลี้ยงจุ๋ม ผิด ผมให้เขายอมรับ ให้ขอโทษ ขอให้ท่านเข้าใจหลักการกฎหมาย ผมทำหน้าที่ตามหลักวิชาชีพ ขอสังคมอย่าดัดจริต อยู่บนข้อเท็จจริง อย่าไปตามกระแสจนเกินไป ผมทำตามหลักวิชาชีพ ทำหน้าที่ทนายปรึกษาในเรื่องกฎหมาย และไม่สนใจที่ถูกต่อว่าหรือสร้างกระแสแบนผมจากความเข้าใจผิดๆ" ทนายเดชากล่าวและว่าเบื้องต้นคาดว่าจะมีการกล่าวหาดำเนินคดีจากกรณีนี้อีกรวม30-50คดี
ทายาทสารสาสน์ ขอโทษ พร้อมยืนยันจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น