ครูแพรว-พี่เลี้ยงส้ม เข้าพบตร.รับสารภาพทุกข้อหา


โดย PPTV Online

เผยแพร่




รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1พร้อมด้วย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนนทบุรี เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีครู พี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ทำร้ายร่างกายเด็ก ขณะที่ครูพี่เลี้ยงสารสาสน์เข้าพบพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 2 คน

ภายหลังการประชุมนานเกือบ 3 ชั่วโมง เพื่อสรุปความคืบหน้าการดำเนินคดีกรณีครูและพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ซึ่งมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับเด็กนักเรียนชั้นเนอสเชอรี่ และนักเรียนชั้นอนุบาล พล.ต.ต. ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1 และเนิร์สเซอรี ที่เป็นผู้เสียหายรวมกว่า 33 คน และพบครูที่มีพฤติกรรมทำร้ายเด็ก 13 คน ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยแบ่งการดำเนินคดีออกเป็น 4 ส่วน คือ การดำเนินคดีกับผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ครู และบุคลากรหรือพี่เลี้ยงในโรงเรียน หากพบว่ามีการกระทำผิดก็จะดำเนินคดีต่อไป

ตร.ออกหมายเรียกเพิ่ม ครู-พี่เลี้ยง ‘สารสาสน์’ วงจรปิดเผยเด็กถูกทำร้าย 33 คน รวม 58 ครั้ง

ขณะที่วันนี้ มีครูและพี่เลี้ยง 2 รายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม คือ ครูแพรว ครูประจำชั้นเนอสเซอรี – และ พี่เลี้ยงส้ม ซึ่งมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับเด็ก ที่ไม่เหมาะสม   และจากการสอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและข้อหาทำร้ายร่างกายเด็ก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

“ทนายเดชา” พา “ครูจุ๋ม” แจ้งความผู้ปกครองเด็กอนุบาล ทำร้ายร่างกาย

 ส่วนครูพี่เลี้ยงอีก 2 คน คือครูแพร ครูประจำชั้นอนุบาล 1 และพี่เลี้ยงอิง ชั้นเนิร์สเซอรี ทั้งสองคนขอเลื่อนการเข้าพบตำรวจ รวมทั้งจะมีการออกหมายเรียกครูเพิ่มอีก 2 คนคือครูกิ๊ฟ และครูมิ้ว ครูประจำชั้นอนุบาล1 หลังพบพฤติกรรมที่ทำร้ายเด็กเพิ่มเติม

ผู้ปกครองแจ้งความ ลูกถูกพี่เลี้ยง ‘สารสาสน์’ ทำร้ายนาน 3 วัน จนหวาดผวา

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 16-28 ก.ย.63 พบมีการทำร้ายเด็ก รวมทั้งสิ้น 58 ครั้ง พบเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1 และเนิร์สเซอรี ถูกทำร้ายรวมกว่า 33 คน และพบครูที่มีพฤติกรรมทำร้ายเด็ก 13 คน เบื้องต้น ตำรวจเตรียมออกหมายเรียก ผอ.โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา กรณีว่าจ้างครูที่ไม่มีใบอนุญาตวิชาชีพครูในวันพุธที่ 7 ต.ค.นี้

ขณะที่กลุ่มผู้ปกครองนักเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ กว่า 10 คน พร้อมด้วยทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม เดินทางไปยื่นหนังสือถึงหัวหน้าศูนย์บริการช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนฯ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและฟ้องร้องคดีแพ่งต่อผู้บริหารโรงเรียนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งขอให้เร่งรัดติดตามในส่วนของคดีอาญา เพราะกลัวว่าจะมีการแทรกแซงคดีเนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้บริหารในเครือธุรกิจขนาดใหญ่ มูลค่าหลายพันล้าน

ตัวแทนผู้ปกครอง ที่เป็นแม่ของน้องวิน นักเรียนชั้นระดับเนอสเซอรี ที่ถูกครูพี่เลี้ยง ใช้ความรุนแรงลงโทษ ด้วยการนำถุงดำมาครอบศีรษะ จับลูกใส่ถังขยะ อีกทั้งผลักกระแทกผนังห้องเรียนหลายครั้ง ระบุว่าการออกมาร้องเรียนอัยการสูงสุดในวันนี้เนื่องจากที่ผ่านมาทางโรงเรียนไม่เคยติดต่อกลับ หาผู้ปกครองเพื่อแสดงความรับผิดชอบใดๆ

สช.พบช่องโหว่ ไม่มีเกณฑ์กำกับดูแล คัดเลือกครูพี่เลี้ยง

นายประยุทธ์ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับเรื่อง ระบุว่า เบื้องต้นอัยการสูงสุดได้ส่งเรื่องให้อัยการในเขตพื้นที่เกิดเหตุ เข้าไปช่วยเหลือผู้ปกครองในกระบวนการสอบสวนของตำรวจ ส่วนหนังสือที่ได้รับวันนี้ จะส่งถึงอัยการสูงสุด พิจารณารายละเอียด ขอให้มั่นใจว่าในส่วนของอัยการจะช่วยเรื่องการดำเนินคดีอย่างเต็มที่

ขณะที่บรรยากาศ ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี วันนี้ ทางผู้บริหารระดับสูงได้เชิญผู้ปกครองห้องครูพี่เลี้ยงที่ยังไม่ได้ย้ายบุตรหลานออกจากโรงเรียน เข้ามาประชุมร่วมทำความเข้าใจถึงมาตรการต่างๆ เพื่อให้ผู้ปกครองมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว โดยนำผู้ปกครองไปดูห้องเรียนที่ทางโรงเรียนจะดำเนินติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมตามคำร้องขอของผู้ปกครอง

ดร.สุทธิพงศ์ ยงค์กมล ผู้บริหารระดับสูงโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ระบุถึงการแต่งตั้ง ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เป็นทนายความประจำเครือสารสาสน์เพื่อต่อสู้คดีกับผู้ปกครองนั้น ยืนยันว่าเพียงให้ทนายเดชาเข้ามาช่วยอุดรอยรั่วปมปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยครู ให้ปรึกษาข้อกฎหมาย

ไล่ออก !! ครูทำร้ายเด็กอนุบาล โรงเรียนช่วยผู้ปกครองดำเนินคดี

พร้อมระบุว่า “การที่มีทนายเดชาขึ้นมาเราไม่ได้ต้องการต่อสู้ โรงเรียนไม่ต้องการแก้ตัว ถ้าถูกผิดก็ว่าไปตามกระบวนการ หากมีเรื่องใดที่เป็นข้อผิดพลาด ทางโรงเรียนก็จะฟังข้อมูลจากทนายเดชาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป เราไม่ได้ต้องการตั้งทนายเดชา ขึ้นมาเพื่อต่อสู้คดี เพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ต่อโรงเรียน และจะทำให้ปัญหาไม่จบ ที่สำคัญจะเป็นการทำร้ายเด็กนักเรียน”

ดร.สุทธิพงศ์ เปิดเผยอีกว่าไม่ได้ต้องการตั้งทนายเดชา ขึ้นมาเพื่อต่อสู้คดี  โรงเรียนไม่ต้องการแก้ตัว ถ้าถูกผิดก็ว่าไปตามกระบวนการ หากมีเรื่องใดที่เป็นข้อผิดพลาด ทางโรงเรียนก็จะฟังข้อมูลจากทนายเดชาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป  และการต่อสู้ต่อสู้คดีจะทำให้ปัญหาไม่จบ ที่สำคัญจะเป็นการทำร้ายเด็กนักเรียน

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ