รฟม.แจงเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้า “ศรีปทุม”ไม่ได้เอื้อเอกชน
เงินไม่พอ! เลื่อนสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก เหตุโครงการอีอีซี เตะหลุดกรอบลงทุนปี'63
กรณีที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. มีการประกาศปรับแก้เงื่อนไขวิธีการประเมินข้อเสนอในเอกสารการคัดเลือกเอกชน (RFP) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท จนเกิดการฟ้องร้องของเอกชนบางรายมองว่า อาจทำให้การประมูลไม่เป็นธรรม มีผู้แข่งขันบางรายเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563
ล่าสุด นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาส ผู้ว่าการ รฟม. ได้ออกมาชี้แจงว่า การปรับปรุงวิธีการประเมินตามมาตรา 36 ที่ออกเอกสารแนบท้าย ไม่ได้ส่อไปในทางทุจริต เพราะยังไม่มีการเปิดรับซองข้อเสนอ รวมถึงได้ขยายระยะเวลายื่นซองออกให้อีก 45 วัน เพื่อให้เอกชนทุกรายมีเวลาปรับปรุงข้อเสนอรวมไม่น้อยกว่า 70 วัน ซึ่งรายละเอียดอื่น เช่น คุณสมบัติด้านงานโยธา การจัดหาขบวนรถก็ยังเป็นไปตามเดิม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐจะได้รับการให้บริการที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด
สำหรับกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ทำการยื่นคำร้องต่อคณะรับมนตรี เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการใช้อำนาจของคณะกรรมการคัดเลือกฯ โดยในเอกสารระบุว่า หากเกิดการฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาล หากแพ้คดีขึ้นมาเสียค่าโง่ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? นายภคพงศ์ ยืนยันว่า การเรียกร้องครั้งนี้ในเอกสารไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตาม พรบ.ร่วมทุน
ขณะที่คำร้องต่อศาลปกครองของ บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS นั้น หากศาลมีคำสั่งในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ไม่ว่าคำสั่งศาลจะพิจารณาว่าคุ้มครองหรือยกคำร้อง ผู้ว่าการ รฟม.เชื่อว่า จะไม่ก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ และ บีทีเอส ก็ยังไม่ได้เป็นผู้เสียหาย รวมถึงทั้งสองฝ่ายย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์ได้ตามขั้นตอน แต่คำสั่งศาลต้องปฏิบัติตาม ซึ่งมั่นใจว่ากรณีดังกล่าวจะไม่ยืดเยื้อ
