“ทรัมป์” ย้ำพร้อมต่อเวลาเจรจาการค้ากับจีน
จีนแถลงไม่พบรูรั่วใน “หัวเว่ย” แต่พบสินค้าของอเมริกา
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางเยือนฐานทัพเรือในเมืองซัวเถา ทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง ผู้นำจีนได้สั่งให้กองทัพเรือยกระดับมาตรฐานการฝึก ความสามารถในการรบ และระดับการเฝ้าระวังสูงสุด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับทำสงคราม
สี จิ้นผิงได้บอกกับเหล่าทหารว่า การปกป้องอาณาเขตและอธิปไตยของจีนคือหน้าที่สำคัญ เพราะจะทำให้จีนไปถึงเป้าหมายที่ต้องการเป็นประเทศมหาอำนาจ และเจริญรุ่งเรืองทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ การประกาศให้กองทัพเรือพร้อมทำสงครามครั้งนี้เกิดขึ้น หลังสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าขายอาวุธสงครามให้แก่ไต้หวัน
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศแผนการขายอาวุธล้ำสมัยให้แก่ไต้หวัน รวมไปถึงเครื่องบินจรวดหลายลำกล้องที่มีชื่อว่า “ไฮมาร์ส” (HIMARS) ที่พัฒนาโดยกองทัพสหรัฐฯ และสามารถปฏิบัติการโจมตีศัตรูได้ไกลกว่า 300 กิโลเมตร
กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาขู่ให้สหรัฐฯ ยกเลิกการขายอาวุธให้กับไต้หวัน หากยังต้องการรักษาความสัมพันธ์กับจีน และยังอยากให้บริเวณช่องแคบไต้หวันเกิดความสงบ โดยกล่าวว่าขอให้สหรัฐฯ ยึดถือตาม “นโยบายจีนเดียว” ที่จีนมองว่า ไต้หวันคือส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่ใช่ประเทศ ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ตึงเครียดขึ้นไปกว่าเดิมในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สาเหตุหนึ่งคือการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนกรุงไทเป ในฐานะผู้แทนของประธานาธิบดีทรัมป์ และได้เข้าพบ ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน เพื่อหารือเกี่ยวกับการรับมือกับวิกฤตไวรัสโควิด-19 เนื่องจากไต้หวันรับมือได้ดี
นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐที่ไปเยือนไต้หวันเป็นคนแรกในรอบหลายทศวรรษ ท่าทีนี้ทำให้จีนไม่พอใจอย่างมาก เพราะมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ เพราะในมุมของจีนแล้ว ไต้หวันยังเป็นส่วนหนึ่งของจีน จึงต้องจับตาดูว่าสหรัฐฯ จะมีท่าทีเช่นไร ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยที่สหรัฐฯ จะยอมยกเลิกขายอาวุธให้กับไต้หวัน และถ้าหากสถานการณ์บานปลาย นี่จะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ตึงเครียดที่สุดครั้งหนึ่ง