ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (19 ต.ค.63) ปิดการซื้อขายร่วง 24.93 จุด
เผยแพร่
ปรับปรุงล่าสุด
ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (19 ต.ค.63) ปิดการซื้อขายภาคเช้า 1,208.75 จุด ลดลง - 24.93 จุด (-2.02%) มูลค่า 54,008.12 ล้านบาท

6 สมาคมสื่อ ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐหยุดลิดรอนเสรีภาพสื่อ
ม็อบ19 ตุลา นัดชุมนุม “แยกเกษตร- MRT สาธารณสุข-หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ”
กอร.ฉ. สั่งตรวจสอบ-ระงับเผยแพร่ 4 องค์กรสื่อ ขัดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
สำหรับแนวโน้มการซื้อขายช่วงบ่าย นายเจริญ คาดว่าดัชนีฯน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบต่อ โดยแนะการลงทุนช่วงนี้ให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,200 จุด และแนวต้านที่ 1,220 จุด
ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้เปิดร่วงกว่า 10 จุด สวนทางตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยรับแรงกดดันจากการชุมนุมทางการเมืองในประเทศ กดดันให้ยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อน
ราคาทองวันนี้ – 19 ต.ค. 63 ปรับราคา 3 ครั้ง
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากเรื่องการเมืองในประเทศเป็นหลัก แม้ Sentiment รอบบ้านส่วนใหญ่ดี ขณะที่จีนรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/63 ขยายตัว 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันสองไตรมาส
ทั้งนี้ นอกจากภายในประเทศจะได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การเมืองแล้ว ยังมีปัจจัยลบเข้ามากระตุ้นเพิ่มเติมจากการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศด้วย กดดันให้มีแรงขายออกมาในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
พร้อมมองแนวรับ 1,215 และ 1,210 และ 1,200 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,230 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะเปิดปรับตัวลดลง สะท้อนความกังวลต่อเหตุสลายการชุมนุมทางการเมืองในประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งหากปรับลงลึกดัชนีก็น่าจะมีโอกาสรีบาวด์กลับ ทำให้ภาพรวมการปรับลดลงอาจจะไม่มาก เนื่องจาก Sentiment ต่างประเทศเป็นบวก ทั้งตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่เปิดบวก
ด้านดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ตอบรับความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ ที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับการผลักดันให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.นี้
นอกจากนี้ การที่กองทุนในประเทศทยอยขายหุ้นออกมาค่อนข้างมากในสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะในช่วงวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ มีแรงขายออกมารวมกว่า 4.1 พันล้านบาท ก็น่าจะทำให้กลับมาซื้อในสัปดาห์นี้จากปัจจัยบวกต่างประเทศที่เข้ามา ประกอบกับการชุมนุมแม้จะมีความยืดเยื้อและอาจจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ แต่ก็น่าจะเป็นภาพที่ตลาดรับรู้ไประดับหนึ่งแล้ว
ขณะที่สัปดาห์นี้จะนักลงทุนยังจับตาดูการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของกลุ่มแบงก์ที่จะออกมา หลังจากที่บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) และบมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ประกาศออกมาแล้วดีกว่าคาด โดยเฉพาะด้านคุณภาพสินทรัพย์ แต่ยังต้องจับตาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ระยะต่อไปหลังจากที่หมดมาตรการพักชำระหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ และผลการจัดทำประมาณการฐานะและการดำเนินงานภายใต้ภาวะวิกฤติ (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์ที่จะออกมาในเดือนต.ค.นี้ด้วย ซึ่งหากผลประกอบการไตรมาส 3/63 ของกลุ่มแบงก์และคุณภาพสินทรัพย์ไม่แย่กว่าคาด หุ้นกลุ่มแบงก์ก็พร้อมที่จะรีบาวด์ขึ้นหลังจากที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามากแล้ว นอกจากนี้หากผล Stress Test ออกมาทุกแบงก์น่าจะผ่านเกณฑ์หมด ก็อาจจะกลับมาจ่ายปันผลได้หากธปท.อนุญาต ก็ยังจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มแบงก์ด้วย
พร้อมให้แนวรับที่ 1,220 และ 1,200 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,240 และ 1,247 จุด
เตือนภัย แบงค์ปลอม หยอดตู้เติมเงินมือถือ
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้