เปิดแนวท่อก๊าซ ปตท. หลังเหตุระเบิดบางบ่อ ต้นทางระยอง-เมียนมา ส่งผ่านหลายจังหวัด
ปตท.ตั้งศูนย์ควบคุมเหตุฉุกเฉิน เร่งหาสาเหตุท่อส่งแก๊สระเบิดย่านบางบ่อ
เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปตท. เจ้าของท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และกระทรวงพลังงาน หน่วยงานรัฐที่ดูแลงานด้านนี้ โดยตรง รวมถึงสภาวิศกร ยังไม่มีการสรุปว่าสาเหตุที่ท่อก๊าซระเบิดเกิดจากอะไร เพราะอาจมาจากหลายปัจจัย
โดยจากภาพมุมสูง ผู้สื่อข่าว PPTV สำรวจพบว่า นับจากจุดศูนย์กลางของความเสียหาย คือ ท่อส่งก๊าซที่โผล่พ้นจากพื้นดินมาเพราะแรงระเบิดนั้น พื้นที่โดยรอบ ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ในรัศมีราว1กิโลเมตร และเสียหายหนักมากในพื้นที่ ใกล้เคียง และจากมุมนี้จะเห็นว่า รอบจุดเกิดเหตุ มีทั้งเสาไฟฟ้าแรงสูง และ ถนนสายลาดกระบัง- เทพราช ซึ่งกำลังอยุ่ระหว่างการก่อสร้าง ก่อสร้าง
วันนี้ มีการลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรรมและระบบท่อส่งก๊าซ พร้อมกับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รวมทั้งผู้บริหารของ ปตท. จากการตรวจสอบข้อมูลและการสำรวจพื้นที่ แม้ว่าจะยังไม่สามารถระบุได้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดว่าการระเบิดของท่อที่เกิดขึ้นนั้นมาจากปัจจัยใด แต่รัฐมนตรีว่าการรกระทรวงพลังงาน มีคำสั่งเร่งให้ตรวจสอบ
เปิดคลิป วินาทีท่อส่งแก๊สระเบิด คนวิ่งหนีตาย
ขณะที่ฝ่ายบริหารของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า การประกอบกิจการขนส่งก๊าซธรรมชาติ ผ่านระบบท่อที่ผ่านมา ปตท.ปฏิบัติตามมาตรฐานสากล อย่างเคร่งครัด มีการบำรุงรักษาและตรวจสภาพท่อส่งก๊าซฯ เป็นประจำและต่อเนื่องให้มีความแข็งแรงและปลอดภัย โดยผลการตรวจสอบท่อส่งก๊าซฯ คู่ขนาน (เส้นที่ 2) บนบกที่เกิดเหตุด้วยกระสวยตรวจสอบท่อ (Intelligent PIG) ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ปตท. ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างรัดกุม จะเร่งดำเนินการหาสาเหตุที่แท้จริงร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภายนอก
นอกจากนี้ ยังแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินที่เสียหาย โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 66 ราย ซึ่งขณะนี้ปลอดภัยและกลับบ้านได้แล้ว 37 ราย ในการนี้ ปตท. พร้อมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าความเสียหายของทรัพย์สินอย่างเต็มที่และดีที่สุด อีกทั้ง ปตท. จะมอบเงินเยียวยาเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 5,000,000 บาท ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส รายละ 500,000 บาท ผู้ที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล รายละ 200,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บที่ไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล รายละ 50,000 บาท สำหรับการชดเชยบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เกิดความเสียหาย อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าและจะบรรเทาผลกระทบให้ดีที่สุดโดยเร็ว