รู้ทัน RSV หมอเตือน ผู้ใหญ่ อย่าสัมผัสเด็ก หอมแก้มบ่อย หวั่นแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว


โดย PPTV Online

เผยแพร่




RSV ระบาด เรามักได้ยินข่าวประเภทนี้แทบจะทุกปีโดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นคือการป้องกัน หรือ หากสงสัยว่าเด็กจะเข้าข่ายป่วยหรือไม่ ควรหมั่นสังเกตอาการและพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็ก ไม่ควรเข้าไปสัมผัสหรือหอมแก้ม เด็กเล็กๆ เพราะอาจกลายเป็นพาหะนำโรคโดยไม่รู้ตัว

RSV คือ ไวรัสชนิดมีเปลือกหุ้ม ชื่อเต็มว่า Respiratory Syncytial Virus มีสองสายพันธุ์ คือ RSV – A และ RSV – B เป็นไวรัสก่อการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็กทั่วโลก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และมีการระบาดเกือบทุกปี

เตือน! กอดหอมเด็กทารกไม่ระวัง เสี่ยงเด็กติดไวรัส RSV

การติตด่อของโรคนี้

สามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม โดยเฉพาะการติดต่อจากการสัมผัส ซึ่งหากเด็กได้รับเชื้อระยะฟักตัวของโรคจะอยู่ที่ประมาณ 5 วัน

จากนั้น ช่วง 2-4 วันแรก มักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล ก่อนจะส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบตามมา ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ในบางรายเกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอมากๆ

ซึ่งหลังรับเชื้อ RSV แล้วสามารถแสดงอาการได้เร็วสุด 2 วัน และช้าที่สุด 8 วัน โดยส่วนใหญ่จะเฉลี่ยการแสดงอาการหลังรับเชื้ออยู่ที่ 4-6 วัน และสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ

“ไวรัส RSV” ภัยร้ายหน้าฝนของเด็กเล็ก

อาการที่พึ่งระวัง คือ

- อาการไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน

- หายใจเร็วหอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม

- หายใจออกลำบากหรือหายใจมีเสียงวี้ด (Wheezing)

- รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย

- ซึมลง ปากซีดเขียว

“ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก มีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้สูง”

ไข้ไวรัส “อาร์เอสวี” คร่าชีวิตเด็ก 5 เดือน ที่สุราษฎร์ฯ

นอกจากนั้นแล้ว เด็กอาจติดเชื้อจากการสัมผัสจากผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กมาจับหรือหอมแก้ม โดยไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายหรือล้างมือก่อนสัมผัส เมื่อไปจับต้องโดนตัวเด็ก หรือสัมผัสโดนปากหรือจมูก ก็ทำให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน ผู้ใหญ่ควรระมัดระวัง อย่าเผลอแพร่เชื้อให้เด็กเล็กโดยไม่รู้ตัว

เด็กภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เด็กที่คลอดก่อนกำหนด ฯลฯ เสี่ยงอาการรุนแรง

เด็กเล็ก อายุ ต่ำกว่า 2 ปี ที่ติดเชื้อครั้งแรก ร้อยละ 20-30 ที่มีอาการโรคลุกลามไปทางเดินหายใจส่วนล่าง (หลอดลม เนื้อปอด) ทำให้เกิดหลอดลมใหญ่อักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบและปอดอักเสบตามมา ได้ โดยมักแสดงอาการไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีดหวิว หรือ เสียงครืดคราดในลำคอ โดยเฉพาะกลุ่มที่ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เด็กที่คลอดก่อนกำหนด โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น หูอักเสบ จากเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ซึ่งจะมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้

สำหรับผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อไวรัส RSV ได้แต่อาการมักไม่รุนแรง เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันบ้างแล้ว นอกจากนั้น ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไวรัส RSV ได้นาน 3-8 วัน หลังมีอาการป่วย แต่อาจนานถึง 3-4 สัปดาห์ ในเด็กเล็กหรือเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

การป้องกัน RSV
การป้องกันการติดเชื้อ RSV ทำได้โดยการรักษาความสะอาด โดยเฉพาะผู้ปกครองหมั่นล้างมือตัวเองและลูกน้อยบ่อย ๆ เพราะการล้างมือสามารถลดเชื้อที่ติดมากับมือทุกชนิดได้ถึงร้อยละ 70

รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะครบ 5 หมู่

ให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายในอากาศที่ถ่ายเท ไม่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา เป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง

สำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่ลูกมีอาการป่วย ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติ ไม่ไปอยู่ในสถานที่แออัด ควรดูแลทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวและแยกไว้ต่างหากเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเข้าเรียนในเนิร์สเซอร์รีหรือโรงเรียนอนุบาลแล้ว หากมีอาการป่วยควรให้หยุดเรียนจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อได้อีกทางหนึ่ง

เตือน!!เด็กเล็ก เสี่ยงไวรัส RSV ระบาดหน้าฝน

ที่มาข้อมูล โรงพยาบาลกรุงเทพ โดย นพ.พรเทพ สวนดอก/ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 

หมายเหตุ : ภาพประกอบ ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองแล้ว

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ