เปิดประวัติ โดนัลด์ ทรัมป์ ลุ้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2
โจ ไบเดน จากนักกฎหมาย สู่ว่าที่ ประธานาธิบดีสหรัฐ
นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างมองว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐที่ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ
โดยเฉพาะนโยบาย “American First” แบบชาตินิยมอย่างเปิดเผย ซึ่งเขาได้แสดงความดูถูกคนครึ่งโลกอย่างเปิดเผยตั้งแต่การเรียกผู้นำของยุโรปว่าอ่อนแอ ไปจนถึงการอธิบายว่าชาวเม็กซิกันเป็นอาชญากรข่มขืน และแม้แต่ไล่คนทั้งทวีปแอฟริกาให้ออกไป
แต่สำหรับบางประเทศและดินแดนในภูมิภาคเอเชียที่มีศัตรูร่วมกันคือ “จีน” ทรัมป์คือ “ศัตรูของศัตรู” ที่ควรค่าแก่การสนับสนุน
ฮ่องกง: “มีเพียงทรัมป์เท่านั้นที่ต่อกรกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้”
ชาวฮ่องกงได้ประสบกับการปราบปรามอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลปักกิ่งหลังจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยและการต่อต้านจีนครั้งใหญ่ มีการนำกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่มาใช้เพื่อลงโทษทุกคนที่ถูกตีตราว่าเป็นผู้แบ่งแยกดินแดนหรือบ่อนทำลายการปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่
เอริกา หยุน (Erica Yuen) นักเคลื่อนไหวและนักธุรกิจหญิง บอกว่า “ตอนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเมื่อ 4 ปีก่อนฉันคิดว่าสหรัฐฯ บ้าไปแล้ว ... ฉันเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ฉันสนับสนุนทรัมป์ เช่นเดียวกับผู้ประท้วงในฮ่องกงจำนวนมาก”
เธอยังกล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฮ่องกงตินนี้คือการได้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะ “โจมตีพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) อย่างหนัก นั่นคือสิ่งเดียวที่ผู้ประท้วงชาวฮ่องกงหวัง”
ความหวังเหล่านี้ได้รับแรงหนุนจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่โดนัลด์ ทรัมป์ มีต่อจีน
ภายใต้การดำรงตำแหน่งของทรัมป์ สภาคองเกรสจะออกกฎหมายเพิกถอนสถานะพิเศษของฮ่องกง ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ได้รับสิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทรัมป์มองว่า ฮ่องกงไม่ได้เป็น "อิสระ" อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีการลงโทษกับผู้นำฮ่องกง แคร์รี แลม (Carrie Lam) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 10 คนจากฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่
และแม้ โจ ไบเดน ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามของทรัมป์ได้สาบานว่าจะ "ลงโทษ" จีนสำหรับการกระทำต่อฮ่องกงและยังกล่าวถึงสีจิ้นผิงผู้นำจีนว่าเป็น "อันธพาล" แต่สำหรับเอริกา สิ่งที่ทำให้ทรัมป์เหนือกว่าคือ “เขาเป็นคนแรกที่ตัดสินใจว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นอันตรายต่อโลก”
เธอตระหนักดีว่า ฮ่องกงเสี่ยงจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและรัฐบาลปักกิ่ง
“ คุณไม่สามารถทำร้าย CCP ได้โดยไม่ทำร้ายฮ่องกง” เธอกล่าว "แต่เราพร้อมสำหรับความทุกข์ระยะสั้นเราเต็มใจที่จะเสียสละ"
อย่างไรก็ตาม แม้เอริกาจะอ้างว่านักเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเด็ก ๆ เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเธอ แต่การสำรวจความคิดเห็นโดยภาพรวมใหญ่แสดงให้เห็นว่า จริง ๆ แล้วทรัมป์ได้รับคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างหลากหลายในฮ่องกง
ในการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ เกือบครึ่งหนึ่งของการสำรวจให้คะแนน "แย่" แก่ทรัมป์ โดยหลายคนบอกว่า การจัดการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาพลักษณ์ขอทรัมป์แย่ลงอย่างมาก
ไต้หวัน: “พี่ใหญ่ที่เราพึ่งพาได้”
ความตึงเครียดระหว่างจีนและเกาะไต้หวันเพิ่มสูงขึ้น หลังรัฐบาลปักกิ่งยืนยันว่า เกาะนี้จะต้องถูกยึดคืนในบางจุดหากจำเป็น ซึ่งมาตรการภาษีการค้าและคว่ำบาตรจีนของสหรัฐฯ ได้สร้างความประทับใจให้กับไต้หวัน
วิกเตอร์ หลิน (Victor Lin) ซึ่งทำงานด้านอีคอมเมิร์ซกล่าวว่า "ทัศนคติของโดนัลด์ทรัมป์เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา และเป็นเรื่องดีที่มีพันธมิตรเช่นนี้ เพราะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นในแง่ของการต่างประเทศทั้งด้านการทหารและการค้า ... เรามีพี่ใหญ่ที่เราพึ่งพาได้”
ทรัมป์ได้ขยายขอบเขตอำนาจของเขามายังไต้หวัน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลทั้งสองได้ดำเนินการสำคัญในการสรุปข้อตกลงการค้าทวิภาคีเป้นที่เรียบร้อย
ข้อตกลงทางการค้าดังกล่าวกับสหรัฐฯ จะทำให้ไต้หวันถอยห่างจากการพึ่งพาจีนได้มากขึ้น หลินเชื่อว่า อาจไปได้ไกลถึงขั้น "เชิญชวน บริษัท ใหญ่ ๆ ของไต้หวันมาตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ได้"
ทั้งนี้ เขากังวลว่า ไบเดนอาจไม่ดุดันเท่าที่ควรหากต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของรัฐบาลปักกิ่ง อีกทั้งไบเดนยังเป็นที่รู้จักในไต้หวันในฐานะผู้สนับสนุนการทำงานร่วมกับจีน แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ แต่ชาวไต้หวันส่วนมากก็ยังไม่เชื่อใจเขาอยู่ดี
นโยบายของทรัมป์ในการสนับสนุนอำนาจทางทหารของไต้หวันก็ช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนในไต้หวันได้มาก ผลสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ไต้หวันเป็นดินแดนเดียวในโลกที่คะแนนเชียร์ทรัมป์ชนะไบเดนค่อนข้างขาด
เวียดนาม: “กล้าจนบ้าบิ่น”
ทั้งทำเนียบขาวและรัฐบาลปักกิ่งต่างทำสงครามกับเวียดนามในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา แต่ในขณะที่สหรัฐฯ ได้รับการให้อภัย เวียดนามยังคงหวาดกลัวต่อ "ภัยคุกคามจากจีน"
หลิ่งเหวียน (Linh Nguyen) นักวิเคราะห์การเมืองและวิดีโอบล็อกเกอร์ บอกว่า แฟน ๆ ทรัมป์ในเวียดนามแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
หนึ่งคือผู้ที่ชื่นชอบเขาเพียงเพื่อความบันเทิง และอรกกลุ่มคือแฟนคลับเดนตายของทรัมป์ โดยกลุ่มหลังเชื่อเช่นเดียวกับหลาย ๆ คนในฮ่องกงและไต้หวันว่า ทรัมป์เป็นเพียงปราการด่านเดียวที่ต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์ทั้งในจีนและเวียดนามได้
ทั้งนายทรัมป์หรือนายไบเดนไม่ได้สะกดยุทธศาสตร์ของเวียดนามและนายทรัมป์ได้แสดงความชัดเจนว่าเขาจะไม่รีบเข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งและข้อพิพาทของประเทศอื่น ๆ
หวิ่นห์ หยู เหวียน (Vinh Huu Nguyen) นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เชื่อว่า มีเพียงคนอย่างทรัมป์ที่ "กล้าหาญถึงขั้นบ้าบิ่นและก้าวร้าว" เท่านั้น ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างได้
"นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างผู้นำสหรัฐฯ คนก่อน ๆ การต่อกรกับจีนต้องใช้คนแบบนี้"
หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงอยู่ในอำนาจ เหวียนกล่าวว่า เขารู้สึกว่าในที่สุดโลกจะตื่นตัวต่อ “อันตรายของจีน" และ “ทุนนิยมรูปแบบใหม่ของรัฐคอมมิวนิสต์”
เขายังมีความปรารถนาที่จะปฏิรูประบบเศรษฐกิจและการเมืองภายในเวียดนามให้ห่างไกลจากการปกครองแบบผูกขาดของคอมมิวนิสต์
ญี่ปุ่น: “ความมั่นคงของเราเป็นสิ่งสำคัญ”
ญี่ปุ่นถือได้ว่าเป็นคู่ค้าและพันธมิตรกับสหรัฐฯ มานานแล้ว แต่เมื่อทรัมป์ได้รับการเลือกตั้ง หลายฝ่ายก็กังวลเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายอเมริกาต่อความสัมพันธ์ เขาจัดการข้อตกลงการค้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกแบบพหุภาคีไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง และยืนยันว่าญี่ปุ่นต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อสนับสนุนกองทหารสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่ในญี่ปุ่น
อิชิอิ โยโกะ (Yoko Ishii) วิดีโอบล็อกเกอร์กล่าวว่า "โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นพันธมิตรสำหรับญี่ปุ่น เหตุผลหลักที่เราสนับสนุนเขาคือเรื่องความมั่นคงของชาติ"
เธอชี้ให้เห็นว่า ช่วงหลังมานี้ มีข่าวการรุกล้ำน่านฟ้าและน่านน้ำของญี่ปุ่นโดยกองทัพจีนบ่อยครั้ง เช่น รอบหมู่เกาะเซนคาคุ (Senkaku) ซึ่งเป็นดินแดนข้อพิพาทซึ่งอ้างสิทธิ์โดยทั้งญี่ปุ่นและจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจีนเรียกชื่อเกาะข้อพิพาทดังกล่าวว่า หมู่เกาะเตียวอวี๋ (Diao Yu)
"เราต้องการผู้นำจากสหรัฐฯ ที่สามารถต่อสู้กับจีนได้อย่างแข็งกร้าว ... ฉันไม่คิดว่าจะมีใครพูดตรงไปตรงมาและมีสถานะที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ต้องเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ จริง ๆ" อิชิอิกล่าว
แต่ถึงแม้เธอจะสนับสนุนให้ทรัมป์อยู่ในตำแหน่งต่อไป แต่ผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างเธอนับเป็นชนกลุ่มน้อยในญี่ปุ่น ในขณะที่คนส่วนใหญ่ทั่วประเทศมีมุมมองเชิงบวกต่อสหรัฐฯ แต่มีชาวญี่ปุ่นเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่เชื่อมั่นในตัวประธานาธิบดีทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ความเห็นจากแหล่งข้อมูลเพียง 1-2 คนนี้ไม่อาจสะท้อนภาพของความคิดเห็นทั้งประเทศได้ จึงอาจกล่าวได้เพียงว่า ในประเทศเหล่านี้ต่างมีผู้ที่สนับสนุนผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2020 ทั้งสองฝ่าย
YouGov ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนในประเทศแถบเอเชียว่า เชียร์ใครเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ มากกว่ากัน โดยผลออกมาเป็นดังนี้
ทั้งนี้ต้องติดตามต่อไปว่า ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ใครกันที่จะได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนต่อไป
“ทรัมป์” สั่งระงับ สิทธิปลอดภาษีไทย มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท
ทรัมป์อ้าง แพทย์โกงตัวเลขผู้เสียชีวิตโควิด-19 “เพื่อเงิน”
เรียบเรียงจาก BBC
ภาพจาก AFP
