นักวิชาการ-เอกชน เชื่อ “ไบเดน” เป็นปธน.สหรัฐ "ผลดีกับไทย"


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นักวิชาการและภาคเอกชน เชื่อว่า หาก “โจ ไบเดน” ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ จะส่งผลดีกับไทยมากกว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” แถมจะทำให้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกลดลงด้วย

ศึกดีเบตครั้งสุดท้าย "โดนัลด์ ทรัมป์" และ "โจ ไบเดน" ลุ้นใครจะเดินบนเส้นทางสู่ทำเนียบขาว

"ไบเดน" คะแนนนำ "ทรัมป์" รอลุ้นผลจากรัฐสมรภูมิสำคัญ

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยถึงศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน ว่า ไม่ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โลกก็ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาการกีดกันทางการค้าอยู่ แต่หากทรัมป์ได้เป็นอีกสมัยปัญหาสงครามการค้าจะยังรุนแรงอยู่ โดยจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลกเหมือนที่ผ่านมา แต่หากไบเดน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน สงครามการค้าจะพุ่งเป้าไปที่จีนประเทศเดียว อาจทำให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบลดลง

ขณะเดียวกันหากผลการการเลือกตั้งสหรัฐออกมาว่าไบเดน ขึ้นเป็นประธานาธิบดี มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะดีขึ้น โดยจะขยายตัวได้ประมาณ 4.1% เพราะจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ประกอบกับการร่วมมือกับจีนในการคิดค้นวัคซีนโควิด-19 หากประสบความสำเร็จก็จะทำให้โลกกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ซึ่งก็จะทำให้ไทยได้รับอานิสงค์ดีจากการส่งออกที่จะดีขึ้นตามไปด้วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า หากผลการเลือกตั้งพลิกโผโดยทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย จะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนผันผวนอย่างมาก ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แม้ว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น  กรณีที่โจ ไบเดน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี และพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้เติบโตมากกว่าในกรณีที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีไม่ต่ำกว่า 1%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น 1% จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 0.2% (บนสมมติฐานที่ไม่มีการยกระดับสถานการณ์การเมือง รวมถึงการแพร่ระบาดซ้ำอย่างรุนแรงในประเทศ) ในขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าตามการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี แต่ในกรณีของโจ ไบเดน จะทำให้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกโดยรวมลดลง ดังนั้น ค่าเงินบาทจึงมีทิศทางแข็งค่ามากกว่าในกรณีที่ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี นอกจากนี้ ความเสี่ยงในประเทศทั้งปัจจัยการเมือง และสถานการณ์การแพร่ระบาดซ้ำของโควิดไม่ได้ยกระดับสูงขึ้น ดังนั้น ในช่วงสิ้นปี 2563 ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนกรณีสหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรทั่วไปหรือ จีเอสพี สินค้าไทย 231 รายการ  นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. มองว่า  การตัดสิทธิ์จีเอสพี ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะต่างชาติเขามองว่าประเทศไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่สิทธิ์นี้จะให้กับประเทศกำลังพัฒนาหลายๆประเทศ จึงเป็นธรรมดาที่วันหนึ่งจะถูกตัดสิทธิ์ เช่น หากเข้าไปทำธุรกิจแล้วมีส่วนแบ่งการตลาดเกิน 50% ก็ย่อมจะถูกตัดสิทธิจีเอสพี เนื่องจากถือว่ามีความสามารถทางการแข่งขันแล้ว

สำหรับแนวโน้มในอนาคต นายวิศิษฐ์ มองว่า โอกาสที่จะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มใหม่จึงแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว ส่วนทางออกของการค้าระหว่างประเทศต่อจากนี้ ต้องมีใช้วิธีเจรจาการค้า การร่วมกลุ่ม เพื่อให้การแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่ยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ซึ่งหากไม่เข้ากลุ่มเจรจาการค้าต่างๆ ก็จะทำให้ประเทศไทยเสียส่วนแบ่งทางการตลาดกับประเทศเหล่านั้นไปเรื่อยๆ

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ