พระราชทานอภัยโทษ 5 ธ.ค."ราชทัณฑ์" กำหนดปล่อย 35,000 คน 'สรยุทธ - ณัฐวุฒิ - บุญทรง" ลุ้นปล่อยตัว


โดย PPTV Online

เผยแพร่




พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. 2563 

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. 2563 

ร.10 โปรดเกล้าฯ พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ เพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี

เปิดชื่อคนดัง-นักการเมือง ได้รับพระราชทานอภัยโทษ-ลดโทษ

ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เป็นปีที่ 5 ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควร พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป 

ผู้ต้องโทษดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป

(1) ผู้ต้องกักขัง

(2) ผู้ทำงานบริการสังคมหรือท างานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ

(3) ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ กรณีผู้ต้องกักขัง ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด และยังไม่ได้รับโทษกักขัง แทนโทษจำคุก หรือยังไม่ได้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ให้ผู้ต้องกักขังนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป ในส่วนของโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือในส่วนของการกักขังแทนค่าปรับ แล้วแต่กรณี

นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป ดังนี้

(1) ผู้ต้องโทษจำคุก ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษ ที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกิน 1ปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

(2) ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้

(ก) เป็นคนพิการโดยตาบอดทั้งสองข้าง มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้าง หรือเป็นบุคคล ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นคนทุพพลภาพมีลักษณะ อันเห็นได้ชัด

(ข) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) หรือโรคจิต ซึ่งทางราชการได้ทำการรักษามาแล้วไม่น้อยกว่าสามเดือนในวันที่ พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าสามปี หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนดโทษ

(ค) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายหรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) ระยะสุดท้าย ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่า 2 คนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นระยะสุดท้าย และไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้

(ง) เป็นหญิงซึ่งต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษ ตามกำหนดโทษ

(จ) เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณี ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษ ที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ หรือเป็นคนมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป

(ฉ) เป็นผู้ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และมีอายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ในวันที่ พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือ ทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือ หลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษ ตามกำหนดโทษ

หรือ (ช) เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ ใช้บังคับ 

นอกจากนี้ยังกำหนดให้ลดโทษตามลำดับ ชั้นโทษ และชั้นนักโทษ ดังรายละเอียด คลิกอ่านพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษฯฉบับเต็ม

นายอายุตม์ สินธพพันธ์ุ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยว่า มีนักโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษฯในครั้งนี้ ทั้งในลักษณะการปล่อยตัว และลดโทษจนนำไปสู่การปล่อยตัว ประมาณ 35,000 ราย ก่อนการปล่อยตัว กรมราชทัณฑ์จะจัดอบรมเตรียมความพร้อมหลักสูตร 14 วันพัฒนาจิตใจ ทักษะอาชีพ โดยเฉพาะในหลักสูตรโครงการพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัฑณ์" โดยชุดแรกจะปล่อยตัวหลังจากฝึกอบรมแล้ว โดยราชทัณฑ์จะดำเนินการปล่อยตัวทั้ง 35,000 ราย ภายใน 120 วันตามกรอบของกฎหมาย

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยด้วยว่า ในจำนวนนักโทษที่ได้รับการอภัยโทษ มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรข่าวชื่อดัง  ซึ่งเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ใน 2 ยังมี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว ได้รับการลดโทษตามสัดส่วน ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าทั้ง 3 คน เมื่อได้รับการลดโทษแล้ว จะได้รับการปล่อยตัวหรือไม่

อภัยโทษกว่า1แสนคนพ่วง "กำนันเป๊าะ-ผู้พันตึ๋ง" ได้สิทธิ์ลดโทษ

ศาลสั่งจำคุกสรยุทธ 13ปี 4 เดือน-ปรับ บ.ไร่ส้ม 8 หมื่นบาท

อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรออกจากเรือนจำ ยันพร้อมสู้คดี

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ