นับตั้งแต่ ลีโอเนล เมสซี่ ได้สวมเสื้อเลือดหมูน้ำเงินลงเล่นเป็นเกมแรก ก็ผ่านเวลามากว่า 16 ปี ที่เขารับใช้สโมสรจากแคว้นคาตาลัน ลีโอพาทีมคว้าแชมป์มาทุกรายการ รวมถึงรางวัลส่วนตัวอีกนับไม่ถ้วน ทุกอย่างถูกปูทางมาให้เขาเป็นตำนานเบอร์ 1 ตลอดการของสโมสรที่ก่อตั้งมา 120 ปี เหลือเพียงแต่ตอนจบที่สวยงามนั่นคือการแขวนสตั๊ดกับอาซูลกราน่าทุกอย่างก็จะจบบริบูรณ์
36ข่าวแห่งปี: มหากาพย์ "เรือดำน้ำ" ค้านหนัก ทหารเรือถอนสมอ ชะลอจัดซื้อ
36ข่าวแห่งปี : ส่องความเคลื่อนไหวราชวงศ์ต่างประเทศ
"เมสซี่" อาจถูกปรับ 1.1 ล้านปอนด์ หลังไม่มาซ้อม
“เนย์มาร์” เผยอยากเล่นกับ “เมสซี่” อีกครั้งฤดูกาลหน้า
แต่คำว่า “ในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้” ใช้ได้เสมอ ไม่เว้นแม้แต่อะไรที่แน่ ๆ เป็นของคู่กันอย่างเมสซี่กับบาร์ซ่าก็หนีไม่พ้น เมื่อเมสซี่ออกมาให้สัมภาษณ์ในวันที่ 4 ก.ย. 2563 ด้วยการพูดออกจากปากตัวเองว่า “ผมต้องการย้ายออกจากบาร์เซโลน่า” ทั้งโลกต่างเงียบเพราะนี่ไม่ใช่ข่าวลือ แต่มันคือคำพูดที่ออกจากปากของชายผู้เป็นทุกอย่างของสโมสร
อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น? ตลอดอาชีพการค้าแข้ง ชื่อของเมสซี่จะปรากฎขึ้นทุกครั้งในตลาดซื้อขายนักเตะ ไม่ว่าจะเป็นข่าวกับแมนฯซิตี้ เจ้าบุญทุ่มแห่งเกาะอังกฤษ หรือหนักเข้าคือมีข่าวกับเรอัล มาดริด คู่อริตลอดการก็เคยมาแล้ว ส่วนการย้ายทีมที่ใกล้เคียงจะเกิดขึ้นที่สุดคือการย้ายไปเชลซีในปี 2014 แต่สุดท้ายดีลก็ล่ม และไม่มีครั้งไหนเลยที่เจ้าตัวออกมาพูดชัดเจนด้วยตัวเองเหมือนครั้งนี้
โดยเมสซี่เผยสาเหตุว่าเขาได้ตัดสินใจเรื่องอำลาถิ่นคัมป์ นูมานานแล้ว เนื่องจากสโมสรไม่โปรเจคการลุ้นแชมป์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในถ้วยแชมป์เปี้ยนลีกส์ ทำให้เขาไม่มีความสุขกับการเล่นฟุตบอลอีกต่อไป และต้องการมองหาความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งได้แจ้งกับ(อดีต)ประธานสโมสรอย่าง โจเซป บาร์โตเมว ไปแล้ว และท่านประธานก็ยอมรับการตัดสินใจ แต่สุดท้ายการย้ายทีมก็ไม่เกิดขึ้น เนื่องจากบาร์โตเมวอ้างว่าการฉีกสัญญาเกินระยะเวลาการที่กำหนดไว้แล้ว ฝั่งเมสซี่ให้เหตุผลว่าช่วงที่ฉีกสัญญาได้มันเป็นช่วงที่ยังมีเกมการแข่งอยู่ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะพูดถึงการอำลา สุดท้ายมันคือการไม่รักษาคำพูดของสโมสร
อีกทั้งบาร์ซ่ายังเล่นแง่ด้านกฎหมายที่ถ้าทีมไหนอยากได้ตัวเมสซี่ก็ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญา 700 ล้านยูโร ไม่เช่นนั้นก็ไปต่อสู้ในศาล แต่เมสซี่ปฎิเสธที่จะทำแบบนั้นกับสโมสรที่เขาเรียกว่าบ้าน แต่เขาเลือกที่จะแสดงออกถึงความต้องการย้ายทีมด้วยการส่ง "บูโรแฟ็กซ์" เป็นตัวแทนของการขอย้ายทีมอย่างเป็นทางการเข้าไปที่ทำการสโมสร และยุติเรื่องเอาไว้เพียงเท่านี้ ก่อนที่จะทุ่มเทกับทีมต่อไปตามสัญญาที่เหลืออยู่
แม้ฤดูกาลนี้เจ้าตัวจะยังไม่ได้ย้ายไปไหนอย่างที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากเหตุผลหลัก ๆ ด้านการเงินที่สโมสรทั่วยุโรปได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19 แม้แต่เศรษฐีประจำวงการฟุตบอลอย่าง เชลซี , แมนฯซิตี้ , ปารีส แซงเชกแมงค์ ยังต้องขอถอยก่อน แต่นี่คงเป็นซีซั่นสุดท้ายที่พวกเราจะได้เห็นเมสซี่ในสีเสื้อของบาร์ซ่า และสถานีต่อไปของเจ้าของบัลลงดอร์ 6 สมัยคนนี้จะเป็นที่ไหนคงต้องติดตามต่อไป ดูเหมือนทีมสีฟ้าจากเมืองแมนเชสเตอร์จะดูมีภาษีดีกว่าเพื่อน ทั้งเรื่องของเงินที่พร้อมจ่าย และมีเจ้านายคู่บุญอย่างเป๊ปคุมบังเหียนอยู่
แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น "ในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้" ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต และเหตุการณ์นี้จะจบลงยังไง คงได้แต่ติดตามกันต่อไป..