สุราษฎร์ฯ เจอโควิดรายแรก ชายวัย 53 ไปตลาดอาหารทะเลไทย-ระนอง สัมผัส 21 ราย
แรงงาน คนนี้มีชื่อเป็นภาษาเมียนมาว่า “เอ ยา โม” ส่วน ชื่อไทย คือ “น้ำ” ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านลาดปลาเค้า ทำงานในประเทศไทยมานานกว่า 3 ปี ไม่เคยเดินทางไปที่ตลาดกลางกุ้ง ตลาดมหาชัย หรือ จ.สมุทรสาคร รวมถึงไม่มีเพื่อนที่รู้จักทำงานที่นั่นด้วย แต่ “น้ำ” เล่าว่า ได้รับผลกระทบจากการพบแรงงานเมียนมาติดโควิด-19 เพราะเวลาคนรู้ว่าเธอเป็นชาวเมียนมาก็จะมองด้วยสายตาหวาดระแวง ทำให้ตอนนี้ไม่กล้าออกไปข้างนอก เก็บตัวอยู่แต่ในร้านมากขึ้น รวมถึงมีการพูดคุยเพื่อให้กำลังใจระหว่างเพื่อนชาวเมียนมาด้วยกัน
“น้ำ” ยังเล่าเหตุการณ์การเดินไปร้านสะดวกซื้อเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าถูกมองด้วยสายตาตั้งคำถาม ว่าใช่คนเมียนมาหรือไม่ พร้อมบอกว่า รู้สึกน้อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ในมุมมองของนักสิทธิมนุษยชน อย่าง นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรมไทย มองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้สะท้อนแค่ว่าคนไทยหวาดระแวงชาวเมียนมา แต่สะท้อนว่า ปัญหาด้านสิทธิที่แรงงานควรได้รับด้วย ย้ำว่า แรงงานกลุ่มนี้ เป็นผู้ประสบภัย จึงอยากภาครัฐทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าไม่ควรแสดงความรังเกียจแรงงานกลุ่มนี้ ย้ำว่า แรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในไทยได้ เพราะ นายจ้างคนไทยต้องการ หากไม่มีแรงงานกลุ่มนี้ ผลกระทบก็จะตกอยู่กับคนไทยเอง
ขณะที่การแถลงข่าวของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. วันนี้ พูดถึงกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาที่ต้องกักตัวที่สมุทรสาคร ว่า ต้องดูแลให้ดีที่สุด อยากให้ประชาชนมองแรงงานกลุ่มนี้ ว่า เป็นคนร่วมชะตากรรมกับประเทศไทย นอกจากนี้ยังย้ำว่า ตอนนี้ล็อกดาวน์แค่พื้นที่ ตลาดกลางกุ้ง และ หอพักศรีเมืองที่อยุ่ในระแวงตลาดเทานั้น ไม่อยากให้เหมารวมแรงงานเมียนมาในทุกพื้นที่
นอกจากนี้ยังย้ำว่า หากประชาชนคนใด อยากบริจาคสิ่งของให้ชาวเมียนมาที่ต้องกักตัวสามารถทำได้ เพราะ เชื่อว่าการกักตัวอาจต้องทำต่อไปเป็นเดือน ไม่ใช่แค่ 14 วัน