หลังจากรัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ในตำแหน่งยาวนานกว่า 5 ปี ทุกฝ่ายต่างเรื่องร้องให้มีการเลือกตั้ง บรรดาเซียนการเมืองจึงจับตาพรรคการเมืองที่ คสช.จะใช้สืบทอดอำนาจทางการเมือง ภายหลังรัฐธรรมนูญปี 60 เสร็จพร้อมกติกาที่มารองรับการสืบทอดอำนาจ
36ข่าวแห่งปี : ภัยธรรมชาติปี 2563 โลกร้อนขึ้น โลกร้ายขึ้น
เปิดใจ 4 กุมาร สร้างพรรคถึงฝั่ง จบภารกิจ ลาออกพปชร. สายใยไม่ตัด ยังนั่งรมต.
“พรรคพลังประชารัฐ” จึงถือกำเนิดขึ้น ภายใต้แนวคิดการตั้งพรรคของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ผ่านผู้ก่อตั้ง 4 รัฐมนตรี ในขณะนั้น ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมว.ประจำสำนักฯ ในฐานะโฆษกพรรค
เมื่อทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่าง ถนนทุกสาย รถทุกคัน ต่างตรงมาจอดที่หน้าพรรคพลังประชารัฐ ทั้งอดีตนักการเมือง นักเลือกตั้ง กลุ่มการเมือง นักธุรกิจ นักเคลื่อนไหว คนดัง ดารา เซเลฟ ต่างแห่กันมาอยู่ใต้ร่มเงาของพรรคพลังประชารัฐ
หลังจากการเลือกตั้ง 24 มีนา 62 พรรคพลังประชารัฐ ที่พร้อมเรียกว่าครบเครื่อง ทั้งบุคลากร น้ำเลี้ยง อำนาจรัฐ กติกา ทำให้ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและ 4 รัฐมนตรีถือว่ามีบทบาทสำคัญ ที่เดินสายประสานสิบทิศ จน พล.อ.ประยุทธ์ สามารถเข้ากลับมานั่งนายกฯอีกครั้ง ตามคาด
จากนั้น 4 รัฐมนตรี จึงถูกสื่อมวลชนขนานนามว่า เป็น แก๊ง 4 กุมาร และหลังตั้งรัฐบาล 3 กุมาร ได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง ยกเว้น นายกอบศักดิ์ ที่ไปเป็นรองเลขานายกฯ ภายใต้การนำของ “เฮียกวง” ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
จับตา 4 กุมาร วันไร้ตำแหน่งในพปชร. จ่อลาออกยกชุด
“สุวิทย์” ลั่น ขอทำงานจนวินาทีสุดท้าย ยัน 4 กุมารมาด้วยกันไปด้วยกัน
ยิ่งสูงยิ่งหนาว เมื่อ 4 กุมารเหมือนจะได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ เพราะถือว่าดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ และออกนโยบายประชานิยมต่างๆมากมาย ดีเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี
เมื่อเป็นพรรคการเมืองใหญ่ จึงมีหลายกลุ่ม หลายก๊วน หลายมุ้ง และเต็มไปด้วยนักการเมืองใหญ่ เขี้ยวลากดิน จึงเกิดคลื่นใต้น้ำ แรงกระเพื่อม อยู่ตลอดเวลา และนักการเมือง สิ่งสำคัญนอกจากความรู้ความสามารถ ต้องมี ส.ส.ในมุ้งมีส.ส.ในกลุ่ม แต่ 4 กุมาร กลับไม่มี
จึงถูกกดดันและปล่อยข่าวโจมตี เลื่อยขาเก้าอี้ตลอดเวลา ทั้งการให้ปรับคณะรัฐมนตรี ปรับโครงสร้างผู้บริหารพรรค แต่ทั้ง 4 กุมาร ยังเกาะเก้าอี้ไว้แน่น เพราะได้ยังได้รับแรงสนับสนุนทั้งจาก เฮียกวงและบิ๊กตู่
อำนาจวาสนา ไม่มีอะไร จีรังและยั่งยืน แม้นายกจะโอเค แต่เมื่อ พี่ใหญ่ อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้มีบารมีตัวจริง ไม่ปลื้ม ก็อยู่ไม่ได้ เพราะเรื่องปัญหาและความขัดแย้งในพรรค ต่างถูกส่งสารไปที่บิ๊กป้อม และเพื่อความเป็นเอกภาพของพรรค ตัวจริงจึงต้องออกมาคุมเอง
แต่เมื่อ 4 กุมารไม่ยอมลาออก จึงถูกหักดิบ โดยให้กรรมการบริการพรรคลาออก กึ่งหนึ่ง คือ 18 จาก 34 คน และตามข้อบังคับพรรคต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่เลือกตั้งกก.บห.ชุดใหม่ และเมื่อเลือกกก.บห.ชุดใหม่ ทุกอย่างก็เป็นตามคาด ไม่ปรากฎชื่อของ 4 กุมาร ในกก.บห.ชุดใหม่
สุดท้าย การเมืองคือการเมือง การเมืองมักโหดร้ายเสมอ 4 กุมาร แถลงลาออกจากรัฐมนตรีและตำแหน่งทางการเมือง พร้อมกับการลาออกของ เฮียกวง พี่ใหญ่แก๊ง 4 กุมาร แม้ก่อนหน้าการลาออก จะมีไฟเขียวจาก พี่ใหญ่ ว่า ให้เฮียกวงอยู่คนเดียว แต่หากจะต้องอยู่คนเดียว ไร้ซึ่งอำนาจ ไร้พวกพ้อง จึงไปพร้อมกันดีกว่า ปิดตำนาน เฮียกวงและ4 กุมาร แห่งพลังประชารัฐ
นายกฯ เดินสายหาตัว รมต.คลัง สุดท้าย ได้นายแบงก์มานั่ง 20 วัน
เปิดประวัติปรีดี ดาวฉาย รมต.คลัง 20 วัน
"ประยุทธ์" เครียดตอบคำถาม "ปรีดี" ลาออก
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ 'ปรีดี ดาวฉาย' พ้นรัฐมนตรีคลัง นั่งเก้าอี้เพียง 20 วัน
เมื่อเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่างลง พล.อ.ประยุทธ์ เดินสายหาผู้ที่จะมานั่งตำแหน่งนี้แทน นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง พยายามดีลกูรูเศรษฐกิจหลายคน แต่ก็ถูกปฏิเสธ สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ เลือก ปรีดี ดาวฉาย หนึ่งในนายแบงก์กสิกรที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ นึกถึงประโยชน์ส่วนร่วมก่อนส่วนตนเสมอ จนในที่สุด ก็ได้มาร่วมงานเป็น ขุนคลัง ใน ครม.ประยุทธ์ 2/2
แต่ปรากฏว่า ผ่านไปเพียง 20 กว่าวัน “ปรีดี ยื่นหนังสือลาออกจาก รมว.คลัง” ด้วยเหตุเรื่องสุขภาพ ที่เคยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบมาก่อน ท่ามกลางกระแสความขัดแย้ง และ ความกดดัน บางอย่างที่อาจทำให้ ปรีดี ตัดสินใจ ไม่ไปต่อ
ปมแรก ความขัดแย้งในการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลัง กับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต ที่ต่างฝ่ายต่างเสนอกันคนละชื่อ ถึงขนาดนายกรัฐมนตรีสั่งกลางวง ครม. ให้ กลับไปทำเรื่องเสนอ ครม. ใหม่อีกครั้ง รวมถึงกระแสของความกดดันจากฝ่ายการเมืองในการทำงานโดยเฉพาะช่วงที่มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564
ปมสอง ต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ปรีดีขอนำโครงการไปศึกษาก่อนทั้งที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้ ครม.พิจารณาแล้ว และ ปมที่สาม เตรียมรื้อบร์อดรัฐวิสาหกิจเพื่อความโปร่งใส
จากความกดดันและกระแสข่าวความขัดแย้ง และอย่างที่กล่าวไป การเมืองก็คือการเมือง แรงกดดันจากสารพัดกลุ่มก๊วน อาจเป็นคู่ขนานกับสายนักธุรกิจ นายแบงก์ ที่เน้นกางตัวเลข กางข้อเท็จจริงกันเห็นๆ สุดท้าย ปรีดี ดาวฉาย ขอโบกมือลา ทิ้งเก้าอี้ขุนคลังที่นั่งได้เพียง 20 กว่าวันไปเช่นกัน
ชำแหละ! ปม “ปรีดี ดาวฉาย” ลาออก รมว.คลัง
ด่วน! “ปรีดี ดาวฉาย” ยื่นลาออกจาก รมว.คลัง อินไซด์ในครม.นายกฯปลอบ
