หลังเสร็จสิ้นการประชุมนานกว่า 5 ชั่วโมง ที่ประชุมองค์การประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือโอเปก ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีมติให้คงกำลังการผลิตไว้ที่วันละ 30 ล้านบาร์เรล ตามมติเมื่อเดือนธ.ค. 2554 ต่อไป แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะดิ่งลงถึงร้อยละ 35 นับตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี
ด้านนายอับดุลลาห์ เอล-บาดรี เลขาธิการโอเปก กล่าวว่าการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง ไม่ได้หมายความว่าโอเปกต้องลดเพดานการผลิตตามไปด้วยเสมอไป
ทั้งนี้ มติการประชุมดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอนลดลงไปอยู่ที่ 72.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2553 ขณะที่ในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งปิดทำการ 1 วัน เนื่องจากตรงกับวันขอบคุณพระเจ้า แต่ในการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต ปิดที่ 69.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2553
ก่อนหน้านี้ โอเปกต้องเผชิญกระแสกดดันจากหลายประเทศสมาชิก ทั้งเวเนซุเอลา เอกวาดอร์ ไนจีเรีย และอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกของโอเปกที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดีนัก ให้ปรับลดเพดานการผลิตเพื่อดึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกให้ขยับขึ้นบ้าง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ดิ่งลงส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศเหล่านั้น แต่สมาชิกที่ทรงอิทธิพลปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว เว้นแต่ว่าจะมีการประกันส่วนแบ่งการตลาดที่มีการแข่งขันสูง