วันนี้ ( 5 ก.ค. 58 ) พลโทสาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนฝั่ง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ภายหลังกองกำลังกะเหรี่ยงดีเคบีเ ปะทะกับทหารเมียนมาร์บริเวณจังหวัดเมียวดีว่า ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับและไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ด้านฝั่งชายแดนอำเภอแม่สอดและอำเภอพบพระ ยังคงดำเนินการทุกอย่างตามปกติ และทางทหารไทยยังคงดูแลพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวดตามปกติ ไม่ได้เพิ่มมาตรการใดๆเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ความขัดแย้งระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยงดีเคบีเอปะทะกับทหารเมียนมาร์มีขึ้นเป็นระยะๆอยู่แล้ว แต่ไม่ส่งผลกระทบกับชายแดนฝั่งไทย อีกทั้งประชาชนในฝั่งไทยไม่ได้แตกตื่น เพราะเรามีความสัมพันธ์ด้านทหารในระดับที่ดีซึ่งในระดับพื้นที่สามารถพูดคุยเจรจากันได้ ส่วนการคมนาคมบริเวณสะพานมิตรภาพและด้านศุลกากรฝั่ง อำเภอแม่สอด ยังคงเปิดให้มีการข้ามไปมา และการขนส่งสินค้าตามปกติ
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด ทหารเมียนมาร์ ได้สั่งปิดถนนสายเอเชีย สายใหม่ จากเมืองเมียวดีไปยังเมืองกอกาเลก ที่เป็นถนนที่ฝ่ายไทยไปสร้างให้ โดยห้ามรถยนต์ รถจักรยานยนต์ทุกชนิดผ่านไป – มา หลังมีการปะทะกับ ฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอ ทำให้ทหารพม่า เสียชีวิต 3 คน ส่วนกะเหรี่ยงดีเคบีเอ. ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ซึ่งขณะนี้ ฝ่ายทหารรัฐบาลเมียนมาร์ ได้ตั้งจุดสกัดเป็นช่วงๆ เพื่อป้องกันการลอบโจมตี
ผู้สื่อข่าวในพื้นที่รายงานว่า ด้านชายแดนไทย – พม่า เริ่มมีผลกระทบ จากการส่งสินค้าช้าลง เนื่องจากรถขนส่งสินค้าต้องไปใช้เส้นทางสายเก่าแทน ซึ่งต้องจัดระบบไปวัน มาวัน ทำให้การขนส่งสินค้าไม่สะดวก
ส่วนสาเหตุการปะทะครั้งนี้นั้นมีรายงานว่า เกิดจากทหารเมียนมาร์ได้ส่งกำลังเข้าไปในพื้นที่ และพยายามตั้งฐานที่มั่น เพื่อรักษาความปลอดภัยในพิธี ไทยส่งมอบถนนให้เมียร์มาร์ ในวันที่ 16 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ทำให้ทางกะเหรี่ยงดีเคบีเอไม่พอใจ จึงเกิดการปะทะกันขึ้น
