วันนี้ (8 ก.ค.58) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่าสภาพเศรษฐกิจโลกยังน่าเป็นห่วง แต่ก็มีหลายประเทศที่มีโอกาสต่อการส่งออก เช่น สหรัฐ และจีน ส่วนผลกระทบจากวิกฤตหนี้กรีซ ทำให้ค่าเงินยูโรที่อ่อนลง คงจะกระทบการส่งออกไทยไปยุโรป ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เชื่อว่าจะทำให้สินค้าไทยมีโอกาสส่งไปสหรัฐ เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์เตรียมพลักดันแผนการส่งออกพิเศษ ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับแผนการดำเนินงานปกติ เพื่อให้การส่งออกทั้งปี ขยายตัวร้อยละ 1.2 มูลค่า 230,254 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามเป้าหมายเดิม โดยจะผลักดันสินค้าใน 4 กลุ่ม คือ อุตสาหกรรมหนัก เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิค ซึ่งตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกให้ได้ 5 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ตั้งเป้ามูลค่าการส่งออก 12,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลาสติก ตั้งเป้ามูลค่าการส่งออก 1 พันล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฎาคมนี้ และ อุตสาหกรรมอัญมนีและเครื่องประดับ ตั้งเป้ามูลค่าการส่งออกมูลค่า 5 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเดือนตุลาคมนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์บอกว่า ในสัปดาห์หน้ากระทรวงพาณิชย์จะเชิญผู้บริหารระดับสูง ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ส่งออกชั้นนำของไทย เช่น โตโยต้า ฮอนด้า บีเอ็มดับบลิว และมิตซูบิชิ มาหารือเพื่อร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้การผลักดันการส่งออกให้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งจะมีการเชิญผู้บริหารเอกชนเอกชนในกลุ่มสินค้าส่งออกมูลค่าสูงมาหารือในรูปแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม มีแผนจะเดินทางไปยังประเทศแอฟริกาใต้ เพื่อเจรจาการค้า ข้าว ยางพารา รถยนต์ และสิ่งทอ และรื้อฟื้นการค้าอัญมณี และข้าว ที่ประเทศโมแซมบิก และจะขยายตลาดไปสู่เมืองใหม่ของประเทศจีน พร้อมรักษาความเป็นคู่ค้าระหว่างไทยกับสหรัฐ รวมถึงเพิ่มมูลค่าการค้ากับประเทศอิสราเอลจากมูลค่า 760 ล้านดอลลาร์ เป็น 2,000 ล้านดอลลาร์ ภายใน 5 ปี โดยมอบหมายให้กรมส่งเสริมการส่งออกเป็นผู้ดำเนินการ
