ชุมชนตลาดกลางกุ้ง เป็นจุดที่มีแรงชาวเมียนมาร์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้ (8 พ.ย.58) ชาวเมียนมาร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงมีการเกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้ง และเฝ้ารอการแถลงของนางอองซาน ซูจี หลังปิดหีบไปเมื่อเวลา 16.00 น.อย่างใกล้ชิด
ภาพที่เห็นอยู่นี้ ก็คือบรรยากาศการเกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ของแรงงานชาวเมียนมาร์ ในจังหวัดสมุทรสาคร ประชาชนบางส่วนมีการรวมตัวกันติดตามข่าวการเลือกตั้งผ่านระบบสัญญานเคเบิลทีวีจากประเทศเมียนมาร์โดยตรง ขณะที่บางส่วนก็มีการติดตามผลการเลือกตั้งผ่านระบบอินเตอร์เน็ต อย่างเช่น เฟซบุ๊ค และยูทูป
ประชาชนชาวเมียนมาร์ที่อาศัยอยู่ที่นี่จำนวนไม่น้อย คาดหวังและเชียร์ให้พรรคสันนิบาตรแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือพรรค NLD ของนางอองซานซูจีเป็นฝ่ายชนะ เพราะหวังว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในประเทศเมียนมาร์
ส่วนการเฝ้ารอการแถลงการณ์ของนางอองซานซูจีช่วงหลังปิดหีบวันนี้ ชาวเมียนมาร์ที่ตลาดกลางกุ้งบอกว่า ทราบข่าวจากครอบครัวในประเทศเมียนมาร์ แต่ไม่ทราบว่าจะแถลงเรื่องอะไรแต่มั่นใจว่าต้องเป็นข่าวดีแน่นอน
แรงงานชาวเมียนมาร์หลายคนที่นี่ยังตั้งความหวังนะคะว่า นางอองซาน ซูจี จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ และพัฒนาประเทศจนนำไปสู่การพาตัวพวกเค้ากลับบ้านตามที่นางอองซานซูจีเคยได้พูดปราศรัยไว้กับคนที่นี่เมื่อปี 2555
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเลือกตั้งเมียนมาร์ นอกราชอาณาจักร ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่อาจจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ที่สำคัญ
แม้แรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาร์ ในประเทศไทย หลายคน พลาดโอกาส ใช้สิทธิเลือกเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์นี้ เพราะติดปัญหาหลายประการ แต่พวกเขาก็เชื่อว่า เส้นทางการเมืองในประเทศเมียนมาร์จะมีเสียรภาพมากกว่าเดิม
แม้วันนี้จะต้องทำงานตามปกติ แต่แรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาร์ ที่ตลาดกลางกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร สละเวลาผลัดเปลี่ยน ติดตามผลการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ผ่าน โทรทัศนท้องถิ่นของเมียนมาร์ และ สื่อออนไลน์
ครั้งหนึ่ง นางอองซานซูจีเคยเดินทางมานี้ ทั้งหมดเรียกเธอว่า อะเหม่ซู หรือ แม่ซู และให้คำมั่นสัญญาว่าจะสร้างประชาธิปไตยให้ประเทศเมียนมาร์ และอยากให้แรงงานเหล่านี้กลับไปทำงานที่ประเทศบ้านเกิด
อองซานจับมือกับแรงงานเมียร์มาร์
คำมั่นสัญญาที่ นางอองซาน ซูจีเคยให้ไว้ คือแรงสนับสนุนสำคัญ ทำให้แรงงานบางส่วนเดินทางกลับประเทศเพื่อลงคะแนนเสียงให้กับเธอ แต่บางคนติดปัญหาค่าใช้จ่าย ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปได้
แม้สถานทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย จะกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้า นอกราชอาณาจักร ในวันที่ 17 ต.ค.58 แต่ก็มีชาวเมียนมาร์ไปลงทะเบียนใช้สิทธิ์เพียง 561 คนเท่านั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากไม่มีบัตรประจำตัว เพราะออกจากประเทศมานาน เอกสารจึงไม่ครบถ้วน ทำให้ไม่สามารถยืนยันสิทธิ์ได้ ขณะที่การเลือกตั้งล่วงหน้า กำหนดให้ใช้สิทธิ์ที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ในกรุงเทพเท่านั้น เป็นอุปสรรคการเดินทาง
ข้อมูลจากมูลนิธิการศึกษาและการพัฒนาประเทศไทย เปิดเผยว่ามีแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาร์ในไทยกว่า 4 ล้านคน ต้องถูกตัดสิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้
ขณะที่ 37 ประเทศ ที่เปิดให้เลือกตั้ง นอกราชอาณาจักร จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 15-18 ต.ค.58 มีชาวเมียนมาร์ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เพียง 30,000 คน เท่านั้น เสียงเหล่านี้อาจเป็นคะแนนสำคัญของการเมืองเมียนมาร์