นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯเตรียมทำหนังสือคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยหรือ คปภ. เพื่อขอแยกพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการเอง จากปัจจุบันที่ คปภ.ดูแล เพราะต้องการให้สอดคล้องกับต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะอะไหล่รถยนต์ที่ในแต่ละปีปรับเพิ่มขึ้น 10% และค่าซ่อมมีราคาแพงขึ้น ซึ่งหากคปภ.เห็นชอบก็สามารถประกาศใช้ได้ทันที
สำหรับพิกัดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่ม 1 รถที่มีราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป กลุ่ม 2 รถที่มีราคาตั้งแต่ 1 ล้าน 5 แสนบาท กลุ่ม 3 ราคาเบี้ยตั้งแต่ 1 ล้านบาท กลุ่ม 4 ราคาตั้งแต่ 7 แสนบาท และกลุ่ม 5 ราคาไม่เกิน 7 แสนบาท โดยกลุ่มที่ค่าซ่อมสูงที่สุด คือ กลุ่มรถขนาดเล็กที่เครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,500 ซีซี และรถขนาดกลาง รวมทั้งรถปิกอัพ ซึ่งอาจต้องปรับเบี้ยขึ้น ส่วนกลุ่มที่ค่าซ่อมถูกก็จะปรับเบี้ยลง
ทั้งนี้ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดว่า ธุรกิจประกันวินาศภัยในปีหน้า จะเติบโตร้อยละ 3.5 หรือมีเบี้ยรับรวมประมาณ 2 แสน 1 หมื่น 6 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออก การบริโภคในประเทศ การลงทุนโครงสร้างขนาดใหญ่ของเอกชนและรัฐบาล ที่จะช่วยตลาดประกันภัยให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนยอดขายรถยนต์ประเมินไว้ที่ 8 แสน 5 หมื่นคัน จากปีนี้อยู่ที่ 8 แสนคัน ขณะที่เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ประมาณ 2 แสน 9 พันล้านบาทหรือเติบโตร้อยละ 2