​สั่งแบน "สตูลฯ" 3 ปี ปรับ 3.15 แสนบาท เหตุทำร้าย "เชิ้ตดำ"


โดย PPTV Online

เผยแพร่




คณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ลีกภูมิภาค สั่งแบน สตูล ยูไนเต็ด 3 ปี และปรับเงิน 315,000 บาท จากกรณีทำร้ายผู้ตัดสิน




สำหรับความคืบหน้ากรณีทีม สูตล ยูไนเต็ด ทำร้ายผู้ตัดสิน ในเกมเอไอเอสลีก ภูมิภาค รอบแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเกมนี้ สตูล ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายแพ้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 0-1 เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา


ล่าสุดวันนี้ คณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ลีกภูมิภาค นำโดย นายวิมล กาญจนะ ประธานลีกภูมิภาค และ นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลได้ร่วมประชุมเพื่อหาข้อสรุปกรณีดังกล่าว และมี มติลงโทษปรับเงินทีมสตูล ยูไนเต็ด 315,000 บาทรวมถึงห้ามยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันที่สมาคมฟุตบอลจัดขึ้น 3 ปี นอกจากนี้ยังห้ามเล่นในบ้านอีก 2 นัด ส่วนแฟนบอลที่ทำร้ายผู้ตัดสินนั้น มีบทลงโทษคือห้ามเข้าชมการแข่งขันตลอดชีวิต หากพิสูจน์ได้ว่าทำร้ายผู้ตัดสินจริง



ทั้งนี้บทลงโทษจะเริ่มตั้งแต่ฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป ซึ่ง สตูล ยูไนเต็ด สามารถยื่นอุทธรณ์โทษได้ ส่วนในฤดูกาลนี้ สตูล ยูไนเต็ด ยังสามารถแข่งขันในรอบแชมเปี้ยนส์ลีกที่เหลืออีก 3 นัด ได้จนจบฤดูกาล หากติด 1 ใน 2 จะให้ทีมอันดับ 3 ได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในยามาฮ่า ลีก วัน แทน หลังจากนั้นเมื่อพ้นโทษแบนแล้ว ทางสมาคมฟุตบอลฯ จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะให้สิทธิ์ สตูล เล่นในดิวิชั่น 1 หรือดิวิชั่น 2 ต่อ


ขณะที่นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ ประธานสโมสรสตูลยูไนเต็ด ก็ยืนยันเตรียมยื่นเรื่องอุทธรณ์ภายใน 72 ชั่วโมง เนื่องจากเห็นว่าการลงโทษแบน 3 ปี ถือว่าเป็นโทษที่หนักเกินไป ส่วนการปรับเงินก็เป็นการปรับซ้ำซ้อน ดังนั้นจะเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน



ด้าน นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็ได้พูดถึงกรณีเหตุการณ์ความวุ่นวายในศึกดิวิชั่น 2 รอบแชมเปี้ยนส์ลีก ที่สตูล ยูไนเต็ด เปิดบ้าน แพ้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด 0-1 ว่า รู้สึกเป็นห่วงภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลอาชีพของไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล เพราะมีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นทุกสัปดาห์ ยิ่งเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเช่นนี้ ถือว่าเป็นบั้นทอกีฬาอาชีพของประเทศเป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ ยังอีกว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า กำลังจับตามอง ฟุตบอลอาชีพของไทย ว่ามีการล็อกผลหรือไม่


ส่วนกรณี ที่ประธานสโมสรสตูล ยูไนเต็ด ออกมาเผยว่า พบ อดีตผู้ตัดสินฟีฟ่า ซึ่งเป็น พนักงานของ กกท. อยู่ในสนามในเกมดังกล่าว เรื่องนี้ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้สอบถามข้อมูลจากหลายฝ่าย และจากเจ้าตัวเองว่าเดินทางไปด้วยงานราชการ หรือ ไปเพราะเหตุใด ซึ่งกระบวนการทั้งหมด ยังเป็นเพียงการสอบถามข้อมูลจากหลายๆฝ่ายทั้งภายใน กกท. ทั้งส่วนกลาง และ ภูมิภาค และข้อมูลจากสมาคมฟุตบอลฯ แต่หากพบว่าไม่มีความชอบมาพากล ก็จะมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเพื่อข้อเท็จจริงต่อไป

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ