ทางการสหรัฐฯ เผยรายงานที่ระบุว่าสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ใช้วิธีทรมานร่างกายในการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุวินาศกรรม 11 ก.ย. 2544
รายงานดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยคณะกรรมธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐ เผยว่า ซีไอเอใช้วิธีการทรมานผู้ต้องหาจากกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ที่ถูกจับกุมตัวไว้ แต่ไม่เคยทำรายงานแจ้งให้อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ทราบ ซึ่งถือเป็นการปิดหูปิดตาทำเนียบขาว สภาคองเกรส รวมถึงชาวอเมริกันทั้งประเทศ
นอกจากนี้รายงานยังพบว่า วิธีการสอบสวนด้วยการทรมานไม่ได้ผลนักและไม่ได้ช่วยในการต่อกรกับกลุ่มอัลกออิดะห์แต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้ช่วยในการหาตัวนายโอซามา บิน ลาเดน อดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้ายด้วย
ขณะที่ทางซีไอเอได้ออกมาตอบโต้ว่า วิธีการดังกล่าวช่วยให้ได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ จนนำไปสู่การขัดขวางหรือสกัดแผนก่อการร้าย รวมทั้งทำให้จับกุมผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มเติม และช่วยชีวิตคนไว้ได้มากมาย พร้อมทั้งยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรมและทำเนียบขาวในสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิลยู บุช ได้มีส่วนรู้เห็นในโครงการนี้ตั้งแต่แรก ทั้งนี้ซีไอเอยอมรับว่าปัญหาที่พบในระยะแรกของการดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัย คือการไม่เตรียมพร้อมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ข้อมูลเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม รายงานยังระบุว่ามีผู้ถูกกักขังเสียชีวิต 1 ราย ในปี 2002 จากอาการตัวเย็นเกินไป หลังถูกล่ามโซ่ และถูกบังคับให้นอนกึ่งเปลือยบนพื้นคอนกรีต นอกจากนี้ผู้ถูกกักขังรายอื่นยังมีอาการเห็นภาพหลอน หวาดระแวง นอนไม่หลับ และพยายามทำร้ายตัวเองอีกด้วย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำความผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไปแล้ว และเขาได้สั่งให้หยุดปฏิบัติการดังกล่าวไปแล้ว แต่หากยังพบเห็นการสอบสวนในลักษณะดังกล่าวอีกจะถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของประธานาธิบดีและฝ่าฝืนกฎหมาย
ด้านองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และกลุ่มนักสิทธิมนุษยชน ก็ออกมาเรียกร้องให้ดำเนินคดีทางอาญากับผู้กระทำผิด