แม้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.จะมีมาตรการดื่มแล้วขับ ถูกจับแล้วยึด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ตลอด 5 วันที่ผ่านมา มีรถถูกยึดแล้วกว่า 3,000 คัน แต่พบสถิติอุบัติเหตุของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กลับมีตัวเลขเพิ่มขึ้น
มาตรการดื่มแล้วขับ ถูกจับแล้วยึด ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพื่อเข้มงวดดำเนินคดีกับผู้ทำผิดลักษณะสุ่มเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะผู้ฝ่าฝืนเมาแล้วขับ ตลอด 9 วันที่ผ่านมา มีรถถูกยึดแล้ว 3,046 คัน แยกเป็นรถจักรยานยนต์ 2,477 คันและรถยนต์ 569 คัน
พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. บอกว่า ความเข้มงวดการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ตามโครงการ "ดื่มแล้วขับ ถูกจับแล้วยึด" ส่งผลให้ช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลปีใหม่ปีนี้ มีสถิติลดลงกว่าปีที่ผ่านมา
ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย หรือ ปภ. สรุปสถิติอุบัติเหตุ 5 วันที่ผ่านมา มีจำนวนอุบัติเหตุสะสมรวม 2,753 ครั้ง สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดผู้เสียชีวิต 292 ราย เพิ่มขึ้น 32 ราย และผู้บาดเจ็บ 2,855 คน เพิ่มขึ้น 313 คน
สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุมาจากเมาสุรามากที่สุด รองลงมาคือ ขับรถด้วยความเร็วเกิดกฎหมายกำหนด
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น คาดว่ามาจากจำนวนตัวเลขผู้จดทะเบียนเพิ่มขึ้น มาตรการยึดรถของ คสช. ทำได้เพียงให้ผู้ใช้รถเกิดความเกรงกลัว แต่ที่สำคัญคือการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดจึงจะสามารถป้องกันอุบัติเหตุบนถนนได้
สำหรับจุดที่มักเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ อยู่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว และมีเส้นทางอันตราย อย่างจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่เกิดเหตุสูงสุดถึง 108 ครั้ง
