แม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก คือกว่า 200 ล้านคน แต่เป็นมุสลิมสายกลาง ที่รักสงบและอดกลั้นต่อความเชื่อที่นอกเหนือจากศาสนาอิสลาม โดยแม้แต่กลุ่มเคร่งศาสนามากที่สุดเองก็ไม่ยอมรับแนวคิดของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงและกลุ่มก่อการร้ายอย่างไอเอส ขณะที่การที่อินโดนีเซียมีการเมืองค่อนข้างมั่นคงแล้ว จึงมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายได้น้อย ไม่เหมือนอย่างในซีเรีย หรืออิรัก
กลุ่มหัวรุนแรงในอินโดนีเซีย
แต่ใช่ว่าอินโดนีเซียจะปราศจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง เพียงแต่ว่ามีเป็นสัดส่วนที่น้อย โดยกลุ่มที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ กลุ่ม เจมา อิสลามิยะห์ หรือเจไอ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุระเบิดเกาะบาหลี ซึ่งเป็นเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่สุด ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีผู้นำกองกำลัง มุจาฮิดินอินโดนีเซียตะวันออก ชื่อ ซานโตโซ (กลุ่มล่างสุด) ก็ที่ออกมาประกาศสวามิภักดิ์กับกลุ่มไอเอส และกำลังเป็นที่ต้องการตัวของทางการที่ทางการอินโดนีเซียต้องการตัวขณะนี้มากที่สุด
ประวัติก่อการร้ายในอินโดนีเซีย
เหตุระเบิดและโจมตีกลางกรุงจาการ์ตาวันนี้ นับเป็นเหตุใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ค่อนข้างสงบ หลังจากที่รัฐบาลอินโดนีเซียได้มีการกวาดล้างเครือข่ายมุสลิมหัวรุนแรงอย่างเข้มข้น
ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายหลายครั้ง ใน ปี 2002 กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเจมา อิสลามิยะห์ หรือเจไอ ได้ก่อเหตุระเบิดที่ชายหาดกูตา บนเกาะบาหลี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 202 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งเหตุระเบิดเกาะบาหลีนี้เป็นเหตุก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุ 3 คน ได้ถูกประหารชีวิตเมื่อปี 2008 ขณะที่อีก 1 คน รับโทษจำคุกตลอดชีวิต
หลังจากนั้น อินโดนีเซียก็ยังคงเผชิญกับเหตุโจมตีรายปี โดยในปี 2003 เกิดเหตุคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมแมริออท ในกรุงจาการ์ตา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย ขณะที่ในปี 2004 คนร้ายได้วางระเบิดคาร์บอมบ์ด้านนอกสถานทูตออสเตรเลียในกรุงจาการ์ตา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 180 คน ต่อมาใน ปี 2005 เกิดเหตุโจมตีซ้ำบนเกาะบาหลี เป็นระเบิดฆ่าตัวตาย 3 ครั้งซ้อน โดยครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย และใน ปี 2009 ซึ่งเป็นเหตุใหญ่ครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเกิดเหตุวันนี้ คนร้ายได้ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน และโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ในกรุงจาการ์ตา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 7 ราย โดย 6 รายเป็นชาวต่างชาติ ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวนมากกว่า 40 คน
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทางการอินโดนีเซียได้ยกระดับการเฝ้าระวังภัยก่อการร้าย โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานต่างๆ นับตั้งแต่สถานการณ์ภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายไอเอสได้สร้างความวิตกกังวลมากขึ้นหลังจากเหตุโจมตีที่กรุงปารีส โดยตำรวจอินโดนีเซียสามารถสกัดแผนก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายได้หลายกลุ่ม ซึ่งรวมถึงแผนก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาด้วย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าในจำนวนกลุ่มดังกล่าว มี 2 กลุ่มที่เชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอส
ทำไมอินโดเป็นเป้าหมาย
แม้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุด แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับอิทธิพลแนวคิดของกลุ่มไอเอส อาจเป็นสิ่งที่ขัดใจกลุ่มไอเอส และเป็นเหตุผลให้เริ่มกระทำการบางอย่าง เนื่องจาก อัยการสูงสุดของออสเตรเลียเคยกล่าวเตือนว่า กลุ่มไอเอส มีความตั้งใจที่จะสถาปนารัฐอิสลามที่ปกครองด้วยระบอบระบบคอลีฟะห์หรือกาหลิปในอินโดนีเซียให้ได้ ขณะที่ตำรวจอินโดนีเซียเองที่ผ่านมาก็เคยยอมรับว่าเหตุโจมตีอาจจะเกิดขึ้นในอินโดนีเซียได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง โดยกลุ่มที่น่าจะสร้างความวิตกกังวลให้กับทางการขณะนี้ คือ กลุ่มชาวอินโดนีเซีย 150-200 คน ที่เชื่อว่าเคยเดินทางไปร่วมสู้รบกับกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก ซึ่งจำนวนมากได้เดินทางกลับมายังอินโดนีเซีย และอาจวางแผนก่อเหตุต่อเนื่องได้
