ล่าสุด กรมควบคุมโรค ได้ประชุมปรึกษาหารือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมวางมาตรการป้องกันโรคดังกล่าวอย่างเป็นระบบ แบ่งเป็น 4 ด้านสำคัญ ดังนี้ 1.การเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา 2.การเฝ้าระวังทางกีฏวิทยา 3.การเฝ้าระวังทารกแรกเกิดที่มีความพิการแต่กำเนิด และ 4.การเฝ้าระวังกลุ่มอาการทางระบบประสาท
นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในประเทศไทยพบ "โรคไข้ซิกา" ครั้งแรกเมื่อ 2555 กระจายอยู่ทุกภาคและมีผู้ป่วยเฉลี่ยปีละ 5 ราย สาเหตุหลักเกิดจากโดนยุงลายที่มีเชื้อไวรัสซิกากัด และช่องทางอื่นที่เป็นไปได้ เช่น การแพร่ผ่านการถ่ายเลือด แพร่จากจากมารดาที่ป่วยสู่ทารกในครรภ์ ปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีวัคซีน และยังไม่มียารักษาเฉพาะต้องรักษาตามอาการ
วิธีป้องกันการเกิดโรคที่ดีที่สุด คือการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และป้องกันไม่ให้ยุงกัดด้วยการนอนในมุ้งหรือทายากันยุง ลักษณะเดียวกับการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยผู้ที่จะเดินทางไปยังพื้นที่แพร่ระบาดของโรค ขอให้ผู้ระมัดระวังป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวให้มิดชิด ใช้ยาทาป้องกันยุงกัด
สำหรับผู้เดินทางกลับจากพื้นที่แพร่ระบาด หากมีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง หรือปวดข้อ ควรรีบไปพบแพทย์ตรวจวินิจฉัย แม้ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง แต่ถ้าเกิดในหญิงตั้งครรภ์อาจทำให้เด็กทารกที่คลอดมามีสมองเล็ก หรือมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
ทั้งนี้ แนะนำให้รับประทานยาพาราเซตามอล ห้ามรับประทานยาแอสไพริน หรือยากลุ่มลดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์(NSAIDs) เพราะมียาบางชนิดที่เป็นอันตรายสำหรับการเป็นโรคนี้ อาจทำให้เลือดออกในอวัยวะภายในได้ง่ายขึ้น