“พีพีโมเดล” เพิ่มประสิทธิภาพ - พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน !?


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ตอนนี้เรือนำเที่ยวหลายลำไม่นำนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินค่าธรรมเนียมตามระเบียนอุทยานฯ

 

ภายหลังการเข้ามาจัดระเบียบ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “พีพีโมเดล” ทั้งในด้านการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ส่งผลให้เวลานี้แหล่งท่องเที่ยวในหมู่เกาะพีพี กำลังได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่ยั่งยืน

ทีมนิวมีเดีย PPTV ร่วมเดินทางไปยังหมู่เกาะพีพี เพื่อสังเกตแนวทางจัดการแหล่งท่องเที่ยว พบว่าในทางปฏิบัติหากเจ้าหน้าที่ สามารถบริหารจัดการกิจกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ กว่า 2.5 แสนไร่ ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในภาพรวมไม่เพียงส่งผลดีต่อทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเม็ดเงินจากการเก็บค่าธรรมเนียมที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งจะถูกกระจายไปยังอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ เพื่อนำไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บอกว่า หลังเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2558 ได้มีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น พบว่าเรื่องเร่งด่วนที่ต้องยกประสิทธิภาพการปฏบัติงาน คือการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยาน จึงได้สั่งการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้ ทำให้สามารถจัดเก็บค่าธรรมได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดยหลังรับตำแหน่งจนสิ้นสุดปีงบประมาณ 2558 ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน เก็บเงินได้มากกว่า 45 ล้านบาท ขณะที่ในปีงบประมาณ 2559 จนถึงวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา จัดเก็บค่าธรรมเนียมได้มากกว่า 144 ล้านบาท

นอกจากปัญหาการบริหารจัดการภายในอุทยานแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรง ทำให้ที่ผ่านมาหมู่เกาะพีพีเก็บค่าธรรมเนียมได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือความไม่เพียงพอของเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ ด้วยลักษณะของพื้นที่ที่เป็นทะเลมากถึง 87% ขณะที่พื้นที่ที่เป็นพื้นดินมีเพียง 13% ดังนั้น เรือจึงเป็นยานพหนะสำคัญที่ควรจะต้องมีอย่างเพียงพอ เพราะนอกจากจะต้องดูแลความปลอดภัย และกวดขันนักท่องเที่ยวให้ทำตามกฎระเบียบอุทยานฯ แล้ว ยังจำเป็นต้องใช้เรือไปไล่เก็บค่าธรรมเนียมด้วย

“ตอนนี้เรือนำเที่ยวหลายลำไม่นำนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ ซึ่งมีจุดเก็บค่าธรรมเนียมตั้งอยู่ 5 แห่ง ได้แก่ อ่าวมาหยา เกาะไม้ไผ่ ทะเลแหวก เกาะปอดะ และหาดไร่เลย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงิน เรือลาดตะเวนจึงมีความสำคัญมาก”

การปรับระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี ซึ่งขณะนี้ปฏิรูประบบการปฏิบัติงานเชิงรุกมากขึ้น ไม่เฉพาะการเพิ่มจุดเก็บค่าธรรมเนียมอีกหนึ่งแห่ง ณ หาดลิง ในเร็วนี้เท่านั้น แต่ขณะเดียวกันยังส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราเรือนำเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยว ป้องกันการแอบมาใช้ประโยชน์โดยไม่จ่ายเงินค่าเที่ยวชม

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ ชี้ว่า ขณะนี้ระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของหมู่เกาะพีพี กำลังจะสำเร็จ 100% และพร้อมที่จะนำไปเป็นแนวทางดำเนินการ กับอุทยานแห่งชาติแห่งอื่นๆ ทั่วประเทศ ผลจากการขยับขึ้นของส่วนต่างค่าธรรมเนียม ในช่วงหลัง ส่งผลให้ขณะนี้จำนวนเงินจากค่าธรรมเนียม เข้าชมอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากมีข้อเปรียบเทียบอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่ส่วนตัวรู้สึกว่าเม็ดเงินที่เก็บได้นั้น สวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจน

“ในอดีตที่ผ่านมาไม่เฉพาะที่หมู่เกาะพีพี แต่หมายรวมถึงอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง เก็บค่าธรรมเนียมได้น้อยกว่าความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา แต่เหตุผลที่เลือกเข้ามาดำเนินการในหมู่เกาะพีพีเป็นแห่งแรก เนื่องจากเห็นว่าเป็นจุดมีปัญหามากที่สุด แต่รายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับต้นตอของปัญหา ตรงนี้ถือเป็นหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่จะต้องเข้ามาดูแลตรวจสอบ”

สำหรับปัญหาเรือนำเที่ยวไม่ขึ้นเกาะ เพราะตั้งใจหลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าธรรมเนียมนั้น ดร.ธรณ์ บอกว่า การกระทำในลักษณะนี้ถือเป็นการจงใจ ละเมิดหรือไม่ทำตามกฎระเบียบอุทยานแห่งชาติ เพราะส่วนตัวมั่นใจว่าผู้ประกอบการในพื้นที่ ย่อมรู้ดีว่าพื้นที่ไหนคือเขตอุทยานแห่งชาติ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังระบบจัดการที่วางไว้สมบูรณ์ กลไกต่างๆ จะสามารถเข้าแก้ปัญหานี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นทะเบียนเรือท่องเที่ยว และการออกลาดตะเวนของเจ้าหน้าที่ แต่แน่นอนว่าการปฎิบัติที่มีคุณภาพ หน่วยงานรับผิดชอบย่อมต้องลงทุน ทั้งด้านบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ และเครื่องมืออุปกรณ์ต้องเพียงพอกับความต้องการ

“ตอนนี้หมู่เกาะพีพีเก็บเงินได้วันละกว่า 2 ล้านบาท แต่หมู่เกาะแห่งนี้ซึ่งมีนักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาปีละเกือบ 2 ล้านคน มีเรือเข้ามาใช้ประโยชน์กว่า 1,000 ลำ กลับมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ ในตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเพียง 1 คน ผู้ช่วยอีก 4 คน มีข้าราชการในสังกัด 5 คน ในทางปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแทบจะเป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างง่ายๆ คือก่อนที่จะลงมาดำเนินการ ทั้งหมู่เกาะเจ้าหน้าที่มีเรือลาดตระเวนลำเดียว”

ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ ย้ำว่า ในเมื่อตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังมุ่งเป้าพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน แต่ที่ผ่านมารัฐทำอะไรบ้างเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เรามีเงินจัดอีเว้นท์ทีละ 4-5 ร้อยล้านบาท แล้วเหตุใดหมู่เกาะแห่งนี้ ที่สร้างรายได้ปีละกว่าหมื่นล้านบาท รัฐกลับไม่มีเรือยาง ไม่มีแม้กระทั่งทุ่นจอดเรือให้พวกเขา คำถามก็คือสุดท้ายแล้ว ตอนนี้เราต้องการอะไรกันแน่ ?

Content : สุริยัน ปัญญาไว

Producer/Editing: บุญญานันท์ คำโพธิ์ทอง

PPTV Photo : ทวีชัย จันทะวงค์

 

อ่านเพิ่มเติม: พัฒนาอุทยานแห่งชาติอย่างยั่งยืน

ภารกิจ "วางทุ่น" รักษาแนวปะการัง

เปิดรายได้อุทยานแห่งชาติ ส่วนต่างปี 58 สูงขึ้น 2 ร้อยล้าน..

​"เกาะพีพี" นำร่องวางทุ่นจอดเรือ 14 ลูก แก้ปัญหาเรือนำเที่ยวทอดสมอทับแนวปะการัง

เพิ่มหน่วยพิทักษ์หมู่เกาะพีพี แก้ปัญหาทัวร์ลักลอบ-นักท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามกฎอุทยานฯ

ไม่อนุญาตยานดำน้ำ “ซี-เอ็กโพเรอส์” ประกอบกิจการใต้ทะเลอันดามัน

 

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

ขณะนี้ มีรายการกำลังถ่ายทอดสด คุณสนใจหรือไม่?

POP NEWS

POP NEWS

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ