รายงานข่าวนี้มาจากรัฐบาลท้องถิ่นของญี่ปุ่นที่กำลังดำเนินการตรวจสุขภาพเด็กและวัยรุ่นจำนวน 3 แสน 8 หมื่นคน ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ในจังหวัดฟุกุชิมะ ซึ่งเกิดเหตุเตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด ภายหลังแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2011
โดยผลการตรวจล่าสุด พบว่ามีเด็กจำนวน 16 คน ป่วยเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ ซึ่งสำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่า น่าจะเป็นผลมาจากการได้รับรังสีที่รั่วไหลออกมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ
ซึ่งทำให้ตัวเลขของเด็กที่ป่วยเป็นเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ทั้งหมดขณะนี้อยู่ที่ 116 คน ขณะที่อีกกว่า 50 คน มีเนื้องอกขนาดระหว่าง 5.3 มิลลิเมตร ถึง 3 เซนติเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากครับ
อย่างไรก็ตาม แม้จะพบผู้ป่วยใหม่เพิ่ม แต่ นายโฮกุโตะ โฮชิ หัวหน้าทีมแพทย์ก็ยังไม่ฟันธงว่า เนื้องอกหรืออากาศผิดปกติที่พบในตัวเด็กนั้น เป็นผลมาจากกัมมันตรังสีเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ในเด็กทารก
ญี่ปุ่นกลับมาใช้พลังงานนิวเคลียร์แบบเลี่ยงไม่ได้ หลังเลิกใช้ไป 2 ปี เนื่องจากแบกรับค่าใช้จ่ายในการนำเข้าพลังงานไม่ไหว แต่การพึ่งพาพลังงานทางเลือกที่ชาวญี่ปุ่นมองว่ามีความเสี่ยงสูงบวกกับบทเรียนจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้การใช้พลังงานนิวเคลียร์ยังเป็นประเด็นโต้แย้งในประเทศอยู่
การบริหารจัดการการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะของรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก ทั้งเรื่องงบประมาณที่ไม่เพียงพอ การจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม และถูกกล่าวหาหลายครั้งว่าปกปิดข้อเท็จจริง
แต่ภาพถ่ายที่มีการแชร์กันอย่างแพร่หลายบนอินเตอร์เนตที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของสารกัมมันตภาพรังสีที่ปนเปื้อนในดินแถบฟุกุชิมะนั้นก็น่ากลัวไม่น้อยครับ โดยเป็นภาพของพืชและผลไม้ที่ดอกและผลมีรูปร่างบิดเบี้ยว ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ให้ทั้งญี่ปุ่นและประชาคมโลกต้องหันมาตระหนักถึงผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นตามมาของการใช้พลังงานนิวเคลียร์หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น