นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ผู้รับสัมปทานคลื่นทีวีดิจิทัลจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในนามช่องไทยทีวี กับ LOCA พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกุล ทนายความบริษัท ไทยทีวี จำกัด แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เปิดใจถึงปัญหาไทยทีวี รวมทั้งสถานการณ์ทีวีดิจิทัล ว่า ตอนนี้ ฟ้อง กสทช. พร้อมขอยื่นคุ้มครองต่อศาลปกครองกลาง หลังได้รับจดหมายของ กสทช. ให้ชำระเงิน 1,748,808,000 บาท ภายในกำหนด 30 วัน เนื่องจากเห็นว่ากสทช.ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามแผนแม่บทและคำมั่นที่ให้ไว้จนเกิดปัญหาตามมา จึงนำคดีมาฟ้องศาลเพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้ศาลคุ้มครอง ล่าสุดศาลได้แจ้งนัดไต่สวนเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ก.พ. 59 ยืนยันยังไม่ล้มละลายตามข่าวลือ
สำหรับเหตุผล ที่ไม่ต้องการทำ 2 ช่องดิจิทัลต่อไป นางพันธุ์ทิพา ระบุว่า เพราะกระบวนการในการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิตอลของ กสทช. ไม่เป็นไปตามแผนงานทั้งการแจกคูปอง โครงข่ายที่ไม่ครอบคลุมและขาดความชัดเจน เป็นต้น ซึ่งก่อนการประมูล บริษัทฯได้ทำแผนความเสี่ยงไว้แล้ว แต่เมื่อแผนงานของกสทช. ไม่ชัดเจน ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วง เวลาปีกว่า ลงทุนเสียหายไป กว่า 1 พันล้านบาท และยังบอกอีกว่า จะไม่ทำกิจการใดๆ กับภาครัฐอีกเพราะเกิดความเสียหายอีกทั้งยังเรียกร้องความเสียหายได้ยาก
ทั้งนี้ ไทยทีวี ได้ยื่นคุ้มครองต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 59 มีใจความว่า กสทช. เป็นผู้กระทำผิด โดยไม่ปฏิบัติตามแผ่นแม่บท และคำมั่นที่ได้บอกไว้ ก่อนและหลังการประมูลทีวีดิจิทัล และตามที่ไทยทีวีได้ยื่นฟ้องขอคืนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ ช่องรายการไทยทีวีและช่องรายการสถานีโทรทัศน์ LOCA ทั้งสองฉบับและเรียกค่าเสียหาย จำนวนเงิน 713,828,282.98 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมทั้งขอคืนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯทั้งสองฉบับ จำนวนเงิน 365,512,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
นางพันธุ์ทิพา เชื่อว่า หาก กสทช.ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและระยะเวลาทั้งหมด ไทยทีวีจะไม่ขอคืนใบอนุญาตแน่นอน แต่ปรากฎว่า จากวันที่ประมูลทีวีดิจิทัล วันที่ 27 ธ.ค. 56 จนมาถึงวันนี้ กสทช.ก็ยังไม่ได้ทำตามคำมั่นหรือทำแล้วยังไม่เสร็จ เช่น ผลการประชุมคณะกรรมการกสทช. เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 59 กสทช.ก็ยังไม่สามารถแจกกล่องได้ครบ 22.9 ล้านครัวเรือน และยังไม่สามารถบังคับการเรียงช่องเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ก็ยังไม่เป็นรูปธรรม รวมทั้งการไม่กระตือรือล้นในการแก้ไขปัญหาจนปัญหารุกรามถึงขั้นฟ้องคดีและไม่ใช่เพียงไทยทีวีเท่านั้นที่เกิดปัญหา ผู้ประกอบการดิจิทัลรายอื่น ก็ฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยเช่นกัน
โดยสถานะของช่องไทยทีวีและโลก้า แม้จะประกาศยุติการประกอบกิจการแล้ว โดยขาดทุนกว่า 1,000 ล้านบาท แต่นางพันธุ์ทิพา ยืนยันว่าบริษัทที่เหลืออยู่จะไม่ล้มละลายตามกระแสข่าวอย่างแน่นอน และจะไม่ปลดพนักงานของไทยทีวีแต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นทีวีดาวเทียมและออนไลน์
สำหรับ วันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่ประชุม กสท.มีมติเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอลช่องไทยทีวีและเอ็มวีทีวี แฟมิลี่ (LOCA) ในกรณีไม่ชำระค่าใบอนุญาตงวดที่ 2 รวม 269.6 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องไทยทีวี 176.8 ล้านบาท เอ็มวี ทีวี แฟมิลี่ จำนวน 92.8 ล้านบาท ภายหลังจากที่สำนักงาน กสทช.ได้ดำเนินมาตรการทางปกครองด้วยการพักใช้ใบอนุญาตไปแล้ว 3 ครั้งรวม 90 วัน แต่บริษัท ไทยทีวี ยังคงเพิกเฉยไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขแนบท้ายประกาศในการให้ประกอบกิจการ โดยสำนักงาน กสทช.ได้แจ้งคำสั่งเพิกถอนกับบริษัทไทยทีวี พร้อมแจ้งให้จ่ายเงินปรับ 7.5% ต่อปี คิดเป็นจำนวน 14,266,333.34 บาท พร้อมค่าใบอนุญาตที่ค้างชำระให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง ไม่เช่นนั้นจะให้สำนักงาน กสทช.ใช้สิทธิทางกฎหมายโดยให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ออกแบงค์การันตีให้ชำระแทนทั้งหมดตามที่ได้ออกแบงค์การันตีไว้ และแจ้งไทยพีบีเอสผู้ให้บริการโครงข่ายระงับการออกอากาศไทยทีวีด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัท ไทยทีวี จำกัด เป็นของ นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล โดยเป็นผู้ชนะการประมูลทีวีดิจิตอลจำนวน 2 ช่อง รวมเป็นเงิน 1,976 ล้านบาท คือไทยทีวี ชนะการประมูลมาในราคา1,328 ล้านบาท ช่องโลก้า ชนะการประมูลในราคา 648 ล้านบาท
PPTV PHOTO: อำพล ทองเมืองหลวง
