วันนี้ (4 มี.ค. 59) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทรัมป์ ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากผู้สมัครคนอื่นๆ มาตั้งแต่ก่อนศึกเลือกตั้งซูเปอร์ ทิวสเดย์ ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่ ทรัมป์ คว้าชัยชนะไปถึง 7 รัฐ ในการเลือกตั้งล่าสุดนี้ บรรดาสมาชิกอาวุโสของพรรครีพับลิกันก็ออกมาร่วมขบวนโจมตีนายทรัมป์กันมากขึ้น
หนึ่งในนั่น คือนายมิตต์ รอมนีย์ อดีตตัวแทนพรรคในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของพรรครีพับลิกัน โดยเมื่อวานนี้ (3 มี.ค. 59) รอมนีย์ ได้ออกมาวิจารณ์นายทรัมป์ว่า เป็นนักเลง เป็นคนโลภ และเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง พร้อมกับแสดงจุดยืนเหมือนสมาชิกอีกหลายๆ คนของพรรคว่า นาย ทรัมป์ ไม่เหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้
ส่วนบนเวทีดีเบตล่าสุดที่รัฐดีทรอยต์ ทรัมป์ ตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักของนายมาร์โก รูบิโอ และนายเท็ด ครูซ สองคู่แข่งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของพรรครีพับลิกัน
แต่แม้การดีเบตของพรรครีพับลิกัน ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่มีแก่นสาร แต่มีหนึ่งประเด็นที่ ทรัมป์ ดูจะเรียกคะแนนได้เพิ่มมากขึ้น นั่นก็คือ การอภิปรายเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของกองทัพสหรัฐ ภายใต้หัวข้อนโยบายความมั่นคง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการพูดถึงเรื่องนี้
ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จนไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งด้วย แต่ก็ปิดท้ายด้วยข้อความสำคัญว่า เขาทำนโยบายนี้ให้เป็นจริงได้โดยใช้งบประมาณที่น้อยกว่าที่เป็นอยู่มาก ถือเป็นคำพูดที่กินใจชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้งบประมาณกองทัพสหรัฐฯ เป็นหลุมดำใหญ่ที่เต็มไปด้วยปริศนา บางโครงการก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ และปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายกองทัพสหรัฐฯ สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยงบประมาณประจำปี 2016 ในส่วนของความมั่นคง ภายใต้ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า อยู่ที่ 573,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ