ล่าสุดวันนี้ (17 มี.ค. 59 ) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ที่ปรึกษา พล.ต.ท.เดชา ชวยบุญชุม ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบช.ภ.3 ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าคดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ พื้นที่ สภ.หัวทะเล จ.ชัยภูมิ
หลังจากวันที่ 12 ธ.ค. 58 ที่ผ่านมา ได้มีการพบศพนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ทราบชื่อต่อมาคือนายลี แจฮุน อายุ 23 ปี ที่บริเวณริมถนนในโพรงหญ้า ทางเข้าหมู่บ้านกระทุ่มพระ ต.บ้านตาล อ.บำเหน็จณรงค์ จว.ชัยภูมิ สภาพศพถูกแทงด้วยของแข็งและคม 2 แห่ง ที่บริเวณใต้ลิ้นปี่และข้างลำตัวด้านซ้าย ลำคอมีรอยเชือกรัด เชื่อว่าถูกรัดคอ เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 12 ชั่วโมง
เนื่องจากเป็นคดีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญ กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล จึงมีการระดมทีมสอบสวนจากทุกหน่วยสอบสวนคดีนี้อย่างใกล้ชิด โดยมีกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ประสานงานการสืบสวนข้อมูลของผู้ตายในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทีมงานตำรวจเกาหลีใต้เป็นอย่างดี
จากการสืบสวนสอบสวนคดีนี้พบว่า ผู้ตายไม่เคยเดินทางมาประเทศไทย ไม่มีเพื่อนหรือญาติที่เมืองไทย พูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ถูกกลุ่มคนร้ายซึ่งมีการวางแผนอย่างดี หลอกลวงชักชวนผู้ตายเดินทางมาประเทศไทยเพื่อลงมือฆ่า ชุดสืบสวนสอบสวนจึงต้องระดมสรรพกำลัง ใช้ความละเอียดรอบคอบในการค้นหาพยานหลักฐาน ประมาณ 2 เดือนเศษ จึงได้พยานหลักฐานในคดีนี้ว่า กลุ่มคนร้ายมีผู้ร่วมขบวนการ 4 คน เป็นชาวเกาหลีใต้ ได้ร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน คือ นายปาร์คจุงฮี และ นางสาวโช อึน โซรี มีหน้าที่วางแผนหลอกหลวงให้ผู้ตายทำประกันชีวิตที่ประเทศเกาหลีใต้ จัดซื้อตั๋วเดินทางให้ผู้ตายเดินทางมาประเทศไทย เพื่อให้นายปาร์คชางจู และ นายคิม โชยยอง ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว รับผู้ตายและวางแผนลงมือฆ่าแล้วนำศพไปทิ้งในที่เกิดเหตุ เพื่อหวังเงินประกันชีวิตของผู้ตาย ซึ่งมี นางสาวโช อึน โซรี เป็น ผู้ได้รับผลประโยชน์
หลังจากได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ กล้องวงจรปิด ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร และข้อมูลพยานหลักฐานของตำรวจเกาหลีใต้ มีความเชื่อมโยงทางคดีเชื่อได้ว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้กระทำความผิดจริง โดยมีประเด็นสาเหตุการฆ่าเพื่อหวังผลประโยชน์จากเงินประกันของผู้ตายจึง เมื่อวันที่ 16 มี.ค.59 ศาลจังหวัดชัยภูมิ ได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้แก่ นายปาร์คจุงฮี, นางสาว โช อึน โซรี, นายปาร์คชางจู และนายคิมโซย ยอง
คดีนี้ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักรจึงต้องพิจารณาความอาญาตามมาตรา 20 ทำให้อัยการสูงสุดต้องเป็นผู้ดูแล แต่ผู้ต้องหาทำผิดในประเทศไทย จึงต้องได้รับโทษตามกฎหมายไทย "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายฯ มีโทษสูงสุดคือ "ประหารชีวิต" แต่หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศไปตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม ทำให้ต้องรับโทษที่ประเทศบ้านเกิด