นี่คือ ซูดาน แรดขาวเหนือเพศผู้ ที่ได้ชื่อตามแหล่งกำเนิด คือ ประเทศซูดานใต้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพบ และส่งมันไปยังสวนสัตว์แห่งหนึ่งในสาธารณรัฐเช็ก ขณะที่มันมีอายุได้เพียง 1 ปี โดยระหว่างที่อยู่ในสวนสัตว์ เจ้าหน้าที่ตัดสินใจตัดนอของมันทิ้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกมนุษย์ล่าเพื่อเอานอ ในที่สุด เจ้าหน้าที่ก็ย้ายเจ้าซูดานไปยังศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า โอล เปเจตา ในเคนยา เพื่อให้มันอาศัยอยู่ร่วมกับแรดขาวเหนือตัวเมีย 2 ตัว และตัวผู้อีก 1 ตัว ด้วยความหวังจะให้พวกมันผสมพันธุ์ เพื่อให้กำเนิดลูกหลานรุ่นต่อๆไป
ปัจจุบัน ซูดานมีอายุมากกว่า 43 ปี ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงนัก อีกทั้งยังเหลืออายุขัยอีกเพียงไม่นาน ความหวังที่มันจะผสมพันธุ์ตามธรรมชาติกับตัวเมียจึงค่อนข้างริบหรี่ ยิ่งเมื่อแรดขาวเหนือเพศผู้อีกตัวตายไปตามอายุขัย ซูดานก็ต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ ในฐานะพ่อพันธุ์แรดขาวเหนือที่เหลืออยู่ตัวสุดท้ายบนโลก ทำให้ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าโอล เปเจตา ต้องระดมเจ้าหน้าที่ ออกปกป้องคุ้มครองเจ้าซูดานอย่างสุดกำลัง โดยจัดเวรให้เจ้าหน้าที่ถือปืนไรเฟิลดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเกรงว่าหากคลาดสายตา มันอาจจะตกเป็นเหยื่อของนักล่าสัตว์ได้ ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการสูญสิ้นสายพันธุ์แรดขาวเหนือเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ยังคงมีความหวังเล็กๆ ในการนำอสุจิและไข่ของแรดขาวเหนือมาผสมเทียม แล้วนำไปฝากไว้ในท้องของแรดขาวใต้ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกัน โดยหวังว่าหากวิธีนี้ประสบความสำเร็จ แรดขาวเหนือจะได้ดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไป แม้ว่าวิธีนี้จะยังเป็นวิธีใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน และกว่าจะประสบความสำเร็จ แรดเหล่านี้ก็อาจจะหมดอายุขัยไปก่อนแล้ว
งานวิจัยจากนานาชาติชี้ให้เห็นว่า ไม่เพียงแต่แรดขาวเหนือเท่านั้นที่ใกล้สูญพันธุ์ เพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมา มีแรดถูกล่าเพื่อเอานอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เฉพาะปีที่แล้ว มีแรดในแอฟริกาตายแล้วอย่างน้อย 1,338 ตัว
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยังล่าสัตว์ใหญ่ประเภทนี้ ก็คล้ายกับที่มนุษย์ฆ่าช้างเพื่อเอางา เนื่องจากคนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนเอเชีย เชื่อว่านอแรดมีสรรพคุณทางยา ขณะที่หลายคนก็นิยมนำนอแรดมาเป็นของประดับตกแต่ง จึงไม่แปลกที่ประชากรแรดจะลดลงจนเลยจุดที่จะสามารถฟื้นฟูได้ ได้แต่หวังว่าความพยายามที่ยิ่งใหญ่ของสัตว์แพทย์จะช่วยปลูกจิตสำนึกให้คนเห็นความสำคัญและหันมาช่วยกันปกป้องสัตว์ชนิดนี้มากขึ้น