จากสะพานพุทธ มุ่งหน้า แฮปปี้แลนด์ คือ เส้นทางให้บริการของรถเมล์สาย 8 ระยะทางไปกลับรวมเกือบ 50 กิโลเมตร แต่พนักงานขับรถเมล์รายนี้บอกกับเราว่าเขาใช้เวลาเดินทาง รอบละเกือบ 4 ชั่วโมง และหากเป็นชั่วเวลาเร่งด่วน รถติด อาจใช้เวลามากถึงรอบละ 6ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงจะวิ่งรถได้เพียงประมาณ 4 รอบต่อวัน สิ่งที่ สาย 8 ซึ่งเป็นรถร่วมบริการ ต่างจาก รถ ขสมก. ก็คือ รถ ขสมก.มีรายได้จากเงินเดือน แต่พวกเขา มีรายได้จาก ผลงานของรอบที่วิ่งในแต่ละวัน
สาย 8 และรถร่วมบริการสายอื่นๆ จึงจำเป็น ต้องทำความเร็ว เพื่อชิงผู้โดยสาร ในเส้นทางที่รถเมล์หลายสายวิ่งทับกัน นอกจากนั้นยังมี รถตู้ มาแบ่งผู้โดยสารไปด้วย
ตามปกติ รถ1คัน จะให้บริการผู้โดยสารได้ประมาณ 4 รอบ หรือคิดเป็น 500 คน ต่อวัน รายได้ส่วนใหญ่ จึงขึ้นอยู่กับ เบี้ยขยัน แม้จะเรียกว่า “เบี้ยขยัน” แต่จริงๆแล้วคือ ส่วนแบ่งจากค่าตั๋ว ซึ่งบริษัทจะจ่ายให้คนขับ 10 เปอร์เซ็นต์ กระเป๋ารถ ได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ในแต่ละวัน ส่วนรายได้ประจำ คือ เบี้ยเลี้ยง ทุกคนจะได้รับ 150 บาท ต่อวัน เท่ากันทุกคน ดังนั้น อาจบอกได้ว่า รายได้หลักของพวกเขาที่แท้จริงนั้น มาจากจำนวนผู้โดยสาร มากกว่าเบี้ยเลี้ยงรายวัน
สำหรับ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับ พนักงานของรถเมล์สาย 8 เท่านั้น ทีมข่าวตรวจสอบพบว่า รถร่วมบริการ แทบทุกบริษัท ใช้วิธีเดียวกันนี้คำนวนรายได้ให้พนักงาน นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ รถเมล์แย่งผู้โดยสารกันเอง เพราะหากพวกเขาไม่ทำแบบนี้ รายได้ในแต่ละวัน ก็จะไม่พอจุนเจือครอบครัว