ตัดอุโมงค์ต้นไม้ กระทบ “สัตว์ป่าคุ้มครอง”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรมป่าไม้ ระบุทางหลวงข้ามขั้นตอน ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ “อุโมงค์จามจุรี” ก่อนตัดโค่น

การตัดโค่น “ต้นจามจุรี” ริมทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณแยกพ่อผาเมือง – ศูนย์สร้างหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ และวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง หลังสัปดาห์ที่ผ่านมามีการแชร์ภาพการโค่นต้นไม้ดังกล่าว ซึ่งเรียงรายอยู่ริมถนนจนมีสภาพเป็น “อุโมงค์ต้นไม้” ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ภาพจากเฟซบุ๊ก: Rungsrit Kanjanavanit

 

หลายความเห็นระบุตรงกันว่า การตัดโค่นต้นไม้อายุกว่า 100 ปี ที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ ถือเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้มากกว่าทำลาย..

ทั้งนี้ แม้ว่าการตัดต้นโค่นอุโมงค์ต้นไม้ จะทำตามยุทธศาสตร์การขยายถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) แต่เนื่องจากทางหลวงหมายเลข 12 นั้น ตัดผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน และอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ตามกฎหมายจึงต้องทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ซึ่งปรากฎว่าปัจจุบันอีไอเอโครงการนี้ยังไม่ผ่านความเห็นชอบ

ภาพจากเฟซบุ๊ก: Wit Pimkanchanapong

หลังเกิดเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ และถูกนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนกระแสหลัก นายพงศ์พันธ์ คงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการแขวงการทางเพชรบูรณ์ที่ 1 ระบุว่าสาเหตุที่ดำเนินการตัดโค่นต้นไม้ไปก่อนนั้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในเขตป่าไม้หรือเขตอนุรักษ์ จึงไม่ต้องรอผลการอนุมัติอีไอเอ แต่เบื้องต้นได้สั่งชะลอโครงการไว้ก่อน และนำเรื่องไปหารือกับผู้บังคับบัญชา ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ว่าจะขึ้นรูปแนวถนนใหม่หรือใช้แบบแปลนเดิม พร้อมแจ้งให้ผู้รับเหมารับทราบ เนื่องจากทำสัญญาและนำเงินรายได้ เข้าแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว

ทว่าอีกด้านหนึ่ง นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ชี้ว่าเนื่องจากโครงการขยายถนนดังกล่าว เส้นทางหลายจุดต้องผ่านอุทยานแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ดังนั้น การอ้างว่าโครงการบางจุดที่ไม่ได้อยู่ในเขตป่าไม้ สามารถตัดโค่นต้นไม้หรือดำเนินการไปพลางก่อนนั้น ถือเป็นการกล่าวอ้างหรือกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะในทางปฏิบัติหากโครงการใดๆ เข้าข่ายต้องจัดทำอีไอเอ ย่อมหมายรวมถึงพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ จะต้องมีการจัดทำแนวทางลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 

 

“ตอนนี้ในจุดที่พาดผ่านอุทยานแห่งชาติ ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะดำเนินการในลักษณะใด แต่ปรากฎว่ากรมทางหลวงกลับตัดโค่นต้นไม้ ในจุดที่อ้างว่าไม่ได้อยู่ในเขตป่าไปก่อนแล้ว ถือเป็นเทคนิคที่กรมทางหลวงใช้เป็นประจำ คือขยายถนนในจุดอื่นๆ ไปก่อน เสร็จแล้วไปจ่อรอตรงพื้นที่เขตป่าไม้ เป็นการบังคับให้คณะกรรมการต้องเห็นชอบอีไอเอ โดยอ้างว่าเพื่อความสะดวกในการสัญจรของประชาชน”

ทั้งนี้ ภายหลังการลงพื้นที่ของ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นอกจากพบการตัดโค่นต้นจามจุรี จนแทบไม่เหลือความสวยงามของอุโมงค์ต้นไม้แล้ว ยังพบซากสัตว์ป่าคุ้มครองฯ “นกกาเหว่า” หรือ “นกดุเหว่า” ตกลงมาตายเกลื่อน เนื่องจากอุโมงค์ต้นจามจุรีบริเวณนี้ เป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของนกชนิดนี้ ทางสมาคมฯ จึงได้แจ้งความเอาผิดกับผู้สั่งการ และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ทำอันตรายต่อสัตว์ป่าคุ้มครองฯ และแหล่งอาศัย ทำรัง ขยายพันธุ์ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ บอกว่า ตามหลักแล้วก่อนทำการก่อสร้างหรือขยายถนน กรมทางหลวง จะต้องแจ้งเข้ามายังกรมป่าไม้ก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจต้นไม้พื้นที่ ตรวจสอบดูว่าต้นไม้ริมทางเป็นไม้หวงห้ามหรือไม่ เพื่อประเมินมูลค่าและแนวทางดำเนินการ และแม้ว่าในกรณีนี้ต้นจามจุรีจะไม่ได้เป็นไม้หวงห้าม แต่ตามขั้นตอนกฎหมายกรมทางหลวง ต้องแจ้งให้กรมป่าไม้เข้ามาตรวจสอบก่อนอยู่ดี อย่างไรก็ตาม นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบแล้ว

ล่าสุด วันนี้ (1 เม.ย. 2559) ผู้อำนวยการแขวงการทางเพชรบูรณ์ที่ 1 ระบุว่าไม่เข้าใจว่าการโค่นต้นไม่ในเขตทางหลวง ไม่ใช่เขตป่าจึงไม่ทราบว่าผิดตรงไหน รวมทั้งไม่มีเจตนาที่จะทำให้สัตว์ตกไปตาย เพราะพื้นที่บริเวณนั้นเป็นถนนไม่ใช่ในป่า จึงไม่ทราบว่าเป็นที่อยู่อาศัยของนก

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก: สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ