ผลสำรวจ “ทัศนคติผู้หญิงไทยต่อเทศกาลสงกรานต์ปี 2559” จากกลุ่มตัวอย่างผู้หญิง 1,793 ราย อายุระหว่าง 10-40 ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯ นครปฐม สมุทรปราการ เชียงใหม่ ลำปาง อำนาจเจริญ ชุมพร ชลบุรี ขอนแก่น สะท้อนว่าประเพณีสงกรานต์กลายเป็นพื้นที่สร้างค่านิยมการล่วงละเมิดทางเพศให้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งถูกสร้างจากประเพณีการเล่นน้ำอย่างไม่มีขอบเขตไม่ให้เกียรติและไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคล ผู้หญิงกลายเป็นตัวแทนความสนุกสนานคู่ไปกับการเล่นน้ำ
“จากสถิติ 14.1% มีผู้ยอมรับว่าการฉวยโอกาส ลวนลาม การแต๊ะอั๋ง เป็นเรื่องปกติ ยอมรับได้ใครๆ ก็ทำกัน ซึ่งการยอมนี้จะเป็นชนวนสู่การล่วงละเมิดที่มีความรุนแรงมากขึ้น แม้ผู้หญิงที่แต่งตัวมิดชิดหรือเด็กผู้หญิงก็ถูกลวนลามได้เช่นกัน ปัจจุบันพื้นที่สงกรานต์กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงทุกครั้งที่มีการจัดงาน ยิ่งมีค่านิยมดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วยทำให้การทะเลาะวิวาทและอุบัติเหตุ เพราะเป็นปัจจัยหนุนเสริมให้เกิดความรุนแรง การล่วงละเมิดต่อผู้หญิงและเด็ก” นางสาวปุณิกา อภิรักษ์ไกรศรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ระบุถึงประเด็นที่น่าห่วงใยจากผลสำรวจทัศนคิตการเล่นน้ำสงกรานต์ในปีนี้
นางสาวปุณิกา อภิรักษ์ไกรศรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง
ด้าน นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ ฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ขยายภาพรวมผลสำรวจดังกล่าวพบว่าเกือบทั้งหมด หรือ 85.9% เห็นว่าไม่ควรฉวยโอกาสลวนลามแต๊ะอั๋งช่วงสงกรานต์และควรมีมาตรการควบคุมป้องกัน แต่ที่น่าห่วงคือ 14% ยังมองเป็นเรื่องปกติ ยอมรับได้เพราะใครๆ ก็ทำกัน นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มตัวอย่างเกินครึ่ง 51.9% เคยถูกฉวยโอกาสถูกลวนลาม กลุ่มตัวอย่างจึงต้องการให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยกำหนดให้มีมาตรการทางกฎหมายที่ชัดเจน อีกทั้งต้องการให้มีหน่วยงานรับแจ้งความในพื้นที่เล่นน้ำ และจัดพื้นที่เล่นน้ำอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ เมื่อถามถึงการรับรู้กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่าส่วนใหญ่รู้ว่ามีกฎหมายการห้ามดื่มบนรถ ห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี แต่เรื่องที่ยังรู้น้อยอยู่คือกฎหมายห้ามขายเร่ การขายให้คนเมาครองสติไม่ได้
“สังคมต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ในการเล่นน้ำอย่างสร้างสรรค์ อย่างเอาค่านิยมผิดๆ มาเปลี่ยนเทศกาลสงกรานต์ เพราะผลสำรวจสะท้อนชัดเจนว่าผู้หญิงรับไม่ได้หากมีการลวนลาม ดังนั้น การฉวยโอกาสจากเรื่องแบบนี้จึงควรเคารพสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย และรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องเร่งรณรงค์ให้สังคมตระหนักในประเด็นการให้เกียรติกัน” เธอย้ำ
นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ ฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล
ด้าน นางสาวบี(นามสมมติ) อายุ 24 ปี ชาวกรุงเทพฯ บอกเล่าประสบการณ์ที่ถูกลวนลามในเทศกาลสงการณ์ว่า เหตุการณ์วันนั้นจำได้ขึ้นใจ เนื่องจากต้องทำงานตามปกติและระหว่างเดินออกจากบ้าน ได้เจอกับกลุ่มวัยรุ่นในซอยพยายามใช้น้ำราดและทาแป้งที่บริเวณใบหน้า และจับหน้าอกลูบลงถึงบริเวณช่วงล่าง ด้วยความตกใจจึงร้องเสียงดัง และต่อว่ากลุ่มวัยรุ่นทันทีโดยมีปากเสียงกันเล็กน้อย แต่กลุ่มวัยรุ่นไม่ได้รู้สึกผิดและเล่นตามปกติ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้รู้สึกว่าเทศกาลนี้ไม่มีความปลอดภัย ใครจะทำอะไรจะล่วงละเมิดใครก็ได้ บางรายยังถูกบังคับให้ดื่มเหล้า ถูกรีดไถเงินไปซื้อเหล้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมของคนส่วนน้อยเท่านั้น ที่ทำให้เสื่อมเสียเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องทบทวน ไม่ปล่อยให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ในสงกรานต์