การสอบสวนคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ดำเนินมากว่า 2 ปี จนกระทั่งขยายผลถึงเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอพบหลักฐานเชื่อมโยงอย่างไร ติดตามได้จากรายงานพิเศษ

คดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กว่า 11,000 ล้านบาท ที่มี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ กับพวกตกเป็นจำเลย มาถึงจุดสำคัญทางคดีอีกครั้ง เมื่อการสอบสวนขยายผลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ซึ่งก่อนหน้านี้พบความเชื่อมโยงถึงพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย มีความชัดเจนเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร
โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ดีเอสไอพบบุคคลและนิติบุคคล จำนวน 6 กลุ่ม ที่ได้รับเช็คสั่งจ่ายเงินจากนายศุภชัยต่างกรรมต่างวาระกัน ไม่ต่ำกว่า 800 ฉบับ รวมเป็นเงินกว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่ง พระภิกษุสงฆ์หลายรูปจากวัดพระธรรมกายก็เป็นหนึ่งใน 6 กลุ่มที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้
พระธัมมชโย พระครูปลัดวิจารย์ และพระลูกวัดรูปอื่น ๆ รวมทั้งมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง มีชื่อเป็นผู้รับเช็ค รวม 22 ฉบับ วงเงิน 1,260 ล้านบาท ซึ่งสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้ตั้งโต๊ะแถลง ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การบรรเทาความเสียหายให้กับสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นของวัดพระธรรมกายยังดำเนินการผ่านกลุ่มลูกศิษย์ใกล้ชิด ในชื่อ กองทุนเฉพาะกิจลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ซึ่งรวบรวมเงินคืนให้กับสหกรณ์ฯ ไปแล้วกว่า 684 ล้านบาท และพร้อมรวบรวมเงินคืนให้สหกรณ์ฯ อีกหากพบธุรกรรมการเงินที่มีปัญหาในลักษณะดังกล่าว
การตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาของพระธัมมชโย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อปี 2542 สมัยดำรงสมณศักดิ์เป็น พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เคยถูกพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินคดีฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คดียักยอกเงินและที่ดินจังหวัดพิจิตรและเชียงใหม่ที่ญาติโยมบริจาคให้วัด แต่คดีดังกล่าวจบลงที่อัยการถอนฟ้อง หลังจำเลยกับพวกมอบทรัพย์สินและที่ดินรวมมูลค่ากว่า 959 ล้านบาทคืนให้กับวัด
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้