“รุ้งสีเทา” มิติใหม่ซีรีส์วาย ที่ให้มากกว่า “ความฟิน”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




‘ไผ่ – บุญญาวัฒน์ ธงทอง’ เผยความตั้งใจการกำกับ และถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ในมินิซีรีส์สุดฟิน “รุ้งสีเทา”

เล่นเอาเหล่าสาวกแฟนคลับแทบหยุดหายใจ เมื่อตอนสุดท้ายของ “รุ้งสีเทา” หนึ่งในมินิซีรีส์ชุด “มิติรักผ่านเลนส์” ทางช่อง #PPTVHD36 ที่หลายคนวาดฝันว่าจะต้องจบลงความสุขสมหวัง แต่กลับต้องเหงื่อตกและใจโหวงๆ เพราะการลาจากระหว่าง “เหนือ” และ “พอร์ช” แบบไม่ทันตั้งตัว ทำเอาหลายคนถึงขั้นทำใจไม่ได้นอยด์ไปทั้งวัน ในขณะที่บางส่วนส่งตรงข้อความ มายังเฟซบุ๊กแฟนเพจ PPTVThailand และ PPTVNews ขอให้ผู้กำกับทำภาคสองเพื่อสานต่อความฟิน

ทีมนิวมีเดีย PPTV มีโอกาสได้คุยกับ ‘ไผ่’ บุญญาวัฒน์ ธงทอง ผู้กำกับดาวรุ่ง ผู้ทำเอาสาววายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เกิดอาการซึมเศร้าไปชั่วขณะหลังซีรีส์จบ เกี่ยวกับมุมมองและความตั้งใจ ในการถ่ายทอดเรื่องราวความรักของเพศที่สาม ผ่านมินิซีรีส์ชุด “มิติรักผ่านเลนส์” เพื่อไขข้อข้องใจและอธิบายปมดราม่ากินใจ ที่กำลังถูกพูดถึงในเว็บไซต์และสังคมออนไลน์ในขณะนี้

“เอาจริงๆ ผมค่อนข้างตกใจกับกระแสตอบรับของซีรีส์เรื่องนี้ ตอนแรกที่ได้รับโอกาสให้ทำก็คิดว่าเราจะถ่ายทอดเรื่องราว ความรักระหว่างเพศที่สามออกมาอย่างไร ให้ดีที่สุดและแตกต่างจากซีรีส์วายทั่วไป แต่หลังจากผลงานได้ออนแอร์สู่สายตาผู้ชม และมีทั้งกระแสชื่นชมและติติงโดยเฉพาะตอนจบ ก็ทำให้รู้ว่าซีรีส์เรื่องนี้มีคนให้ความสนใจและติดตามชมค่อนข้างมาก” ไผ่ บอกกับเราด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

ผู้กำกับ “รุ้งสีเทา” เริ่มต้นเล่าว่า โจทย์ของมินิซีรีส์ชุด “มิติรักผ่านเลนส์” คือตั้งใจทำอะไรแตกต่างจากซีรีส์ทั่วไป ที่ฉายอยู่ตามช่องต่างๆ ในขณะนี้ ไฮไลท์ของเรื่องราวในทุกตอน คือการถ่ายทอดความรักที่พิเศษมากๆ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงก็ได้ ซึ่งหากใครได้เคยติดตามดูเรื่องอื่นๆ ในชุดมิติรักผ่านเลนส์จะรู้ว่าคนเขียนบทและผู้กำกับ พยายามสอดแทรกข้อคิดและแง่มุมเกี่ยวกับความรัก ผ่านการเล่าเรื่องและการตัดต่อที่แตกต่าง ไปตามความถนัดและการตีความของแต่ละคน เพื่อให้ผู้ชมได้อะไรที่มากกว่าความสนุกและความฟิน

หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมตอนจบเหนือถึงตาย ตรงนี้อยากอธิบายว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นความตั้งใจที่ต้องการถ่ายทอดให้เห็นว่า ความรักของคนเราเมื่อมาถึงจุดที่สูงที่สุด นั่นก็คือการได้แต่งงานกับคนที่เรารักและเขาก็รักเรา การต้องแยกจากกันก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งหากมองในความเป็นจริงแม้พระเอกตายในวันแต่งงาน แต่เมื่ออยู่กันจนถึงแก่เฒ่า สุดท้ายทุกคนก็ต้องตายจากกันอยู่ดี

ไผ่ ย้ำว่า สิ่งที่เขาต้องการสื่อสารและถือเป็นหัวใจหลักของซีรีส์เรื่องนี้ คือการให้เวลาและให้ความสำคัญกับคนรักมากขึ้น ซึ่งหากคนดูเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการสื่อออกไป เท่านี้ก็ถือเป็นสิ่งที่ภูมิใจที่สุดแล้ว แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าคนดูจะตีความแบบไหน จะตรงกับที่ตั้งใจส่งสารออกไปหรือไม่ ก็ถือว่าทีมงานประสบความสำเร็จตามที่ทุกคน ตั้งใจทำผลงานให้ออกให้มาดีที่สุดเท่าที่ระยะเวลาจะเอื้ออำนวย

“แน่นอนว่าแต่ละคนคงตีความไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าใครจะตีความไปแบบไหน จะมองว่าแค่ทั้งสองคนได้แต่งงานกันก็อิ่มแล้ว หรืออยากให้เรื่องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองไม่มีใครถูกหรือผิด เพราะจะว่าไปละครหรือซีรีส์ก็เปรียบเสมือน งานศิลปะชิ้นหนึ่งใครจะมองให้เป็นแบบไหนก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามผมต้องขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ติดตามชมผลงาน ขอบคุณทุกคำติชมและสัญญาว่าจะนำความเห็น และเสียงสะท้อนไปพัฒนาและปรับปรุงผลงานชิ้นต่อๆ ไปให้ดียิ่งขึ้น” ผู้กำกับที่รุ่นใหม่ไฟแรงที่อายุเพียง 25 ปี ทิ้งทาย

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ