วันนี้ (31 พ.ค.59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นอีกครั้งที่กลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน หรือ คปพ. นำโดยนาย นพ สัตยาศัย ประธานชมรมวิศวะ จุฬาฯ ร่วมปฏิรูปประเทศไทย และนางสาวบุญยืน ศิริธรรม อดีตสมาชิกวุฒิสภา เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี หลังคณะกรรมการนโยบายพลังงานชาติ หรือ กพช. มีมติเลือกวิธีประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณ และแหล่งบงกช ซึ่งถือเป็นเรื่องดี แต่มติดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียดว่าจะประมูลด้วยวิธีการใด ทำให้เกิดความกังวลว่ารัฐอาจประมูลตามระบบสัมปทานซึ่งไม่แตกต่างจากแบบเดิมและจะทำให้รัฐเสียเปรียบ
การยื่นหนังสือครั้งนี้กลุ่ม คปพ.เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และขอให้กระทรวงพลังงาน เปิดเผยวิธีการประมูลแหล่งปิโตรเลียมที่ชัดเจน พร้อมเสนอว่าแหล่งปิโตรเลียมทั้ง 2 แหล่ง ควรใช้การประมูลแบบแบ่งปันผลผลิต หรือจ้างผลิต เพื่อให้ปิโตรเลียมทั้งหมดเป็นของรัฐโดยไม่ต้องแบ่งให้เอกชน
ด้านพลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ที่ประชุม กพช. อนุมัติให้ใช้การเปิดประมูลเป็นการทั่วไป ซึ่งผู้รับสัมปทานรายเดิมสามารถเข้าร่วมประมูลได้ หากไม่มีผู้เข้าร่วมประมูลก็จะใช้การเจรจาสัมปทานกับผู้รับสัมปทานเดิม โดยวางกรอบดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 1 ปี
พลเอกอนันตพร บอกว่า การเปิดประมูลทั่วไปก็มีข้อเสียคือ การหายไปของกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากทั้งสองแหล่ง เพราะผู้ประกอบการรายเดิมอาจตัดสินใจชะลอการเจาะหลุมใหม่เพิ่มเพราะมีค่าใช้จ่ายสูง และหากผู้ประกอบรายใหม่เป็นผู้ประมูลได้ก็ยังไม่สามารถผลิตได้ทันที และในช่วง 7-8 ปีนี้ทุกฝ่ายอาจต้องรับความเสี่ยงในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ต้องนำเข้าก๊าซจากต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นตามไปด้วย