เข้าสู่วันที่ 4 สำหรับการขนย้ายเสือโคร่งที่วัดป่าหลวงตาบัว จ.กาญจนบุรี เบื้องต้นย้ายไปแล้วจำนวน 64 ตัว จาก 137 ตัว ส่วนกรณีพบซากลูกเสือ จำนวน 40 ตัว กรมอุทยานได้นำเนื้อเยื่อทั้งหมดไปตรวจ ดีเอ็นเอ แล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์ ทางวัดยังไม่มีท่าทีติดต่อเข้ามาชี้แจงแต่อย่างใด
การขนย้ายเสือโคร่ง ของกลางวัดป่าหลวงตาบัว จ.กาญจนบุรี โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันปฏิบัติการเคลื่อนย้ายเสือโคร่ง ซึ่งเข้าสู่วันที่ 4 เบื้องต้นย้ายไปแล้วจำนวน 64 ตัว จากทั้งหมด 137 ตัว ซึ่งการทำงานยังคงดำเนินตามปกติ ส่วนกรณีพบซากลูกเสือ จำนวน 40 ตัว กรมอุทยานฯ ยังคงเก็บซากทั้งหมดไว้ที่ตู้แช่อาหารของวัดเช่นเดิม เบื้องต้นนำเนื้อเยื่อทั้งหมดไปตรวจสอบ ดีเอ็นเอ แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบดีเอ็นเอ ซากลูกเสืออีกระยะ ก่อนจะสืบหาข้อเท็จจริงและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรมอุทยานฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่จากวัดป่าหลวงตาบัว ยังไม่มีท่าทีเข้ามาชี้แจงเรื่องซากลูกเสือ แต่อย่างใด เบื้องต้นให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้กรมอุทยานฯ จะเข้าตรวจพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมเนื่องจากกังวลว่าทางวัดอาจจะซุกซ่อนชิ้นส่วนของสัตว์ป่าผิดกฎหมายไว้อีก
แม้ประเด็นการพบซากลูกเสือ ภายในวัดจะเป็นเรื่องที่น่าจับตามองและประชาชนให้ความสนใจ แต่การย้ายเสือโคร่งทั้งหมด กรมอุทยานต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ เนื่องจากเป็นภารกิจหลัก ส่วนการทำงานจะทำควบคู่กันภายใต้ผู้เชี่ยวชาญ โดยขั้นตอนการเคลื่อนย้ายจะยิงยาสลบ หลังจากนั้นนำมาตรวจลายเสือและสุขภาพทั่วไป ก่อนจะย้ายไปดูแลต่อที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้างและเขาสน จ.ราชบุรี เบื้องต้นตั้งเป้าการขนย้ายเสือโคร่งในช่วงเช้า จำนวน 20 ตัว
ส่วนบรรยากาศภายในวัดตั้งแต่ทางเข้า มีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ พร้อมทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ประจำการเฝ้าระวังความปลอดภัย อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในวัดขณะเคลื่อนย้ายเสือ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ย้อนปมภารกิจย้าย “เสือโคร่ง” วัดป่าหลวงตาบัว
ผงะ ! พบซากลูกเสือ 40 ซาก ในวัดป่าหลวงตาบัว
ข้อสังเกต เลขามูลนิธิสืบฯ หลังพบซากลูกเสือแช่แข็ง (คลิป)
