หลังจากที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ป.ป.ช.จะส่งความเห็นสำนวนการไต่สวนคดีทุจริตจำนำข้าวให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ในสัปดาห์หน้า โดยหากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยว่า มีความผิดจริงตามความเห็นของ ป.ป.ช. อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีโทษทั้งจำคุกและปรับเงิน
การที่ ป.ป.ช. มีมติ 7 : 0 ระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติในขณะนั้น ได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในคดีทุจริตจำนำข้าว จะส่งผลให้หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
และหากศาลพิจารณาเห็นว่า มีความผิดตามการชี้มูลของ ป.ป.ช. จะทำให้อดีตนายกรัฐมนตรี อาจต้องได้รับโทษ จำคุก 1-10 ปี หรือ ปรับ 2,000-20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งจำ เฉพาะในฐานความผิดตามมาตรา 157 และอาจมีโทษเพิ่มเติมในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอื่นด้วย โดยคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำตัดสินเพียงครั้งเดียว ไม่มีการอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งในทางตรงกันข้าม หากศาลมีความเห็นต่างจาก ป.ป.ช. ก็จะทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ พ้นผิดจากคดีนี้ทันที
สำหรับคดีทุจริตจำนำข้าวนับตั้งแต่มีการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 จนนำมาสู่การยื่นให้ ป.ป.ช.พิจารณาถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ในปลายปี 2556 ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนในหลายประเด็น จนกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา
และในอีก 2 เดือนต่อมา วันที่ 8 พฤษภาคม ป.ป.ช. มีมติ 7 ต่อ 0 เห็นว่า ควรถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และส่งเรื่องให้วุฒิสภาดำเนินการตามขั้นตอน แต่ต่อมาเกิดการยึดอำนาจการปกครอง ทำให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ / ครม. และ วุฒิสภา ต้องพ้นจากตำแหน่ง กระบวนการถอดถอนจึงหยุดชะงักไป จนล่าสุดเมื่อวานนี้ ป.ป.ช.ได้นัดสื่อมวลชนแถลงด่วน ชี้มูลความผิดอาญาในคดีเดียวกัน โดยการแถลงครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนนางสาวยิ่งลักษณ์ เดินทางไปยุโรปในสัปดาห์หน้าตามที่ได้รับอนุญาตจาก คสช.