เกิดอุปสรรคหลายอย่างในการนำเรือแอร์โบ๊ทดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ลงสู่น้ำครั้งแรก ตั้งแต่การลากเรือออกมาจากที่จอดไปริมน้ำต้องใช้รถลากจูง ต้องยกเครื่องสูบน้ำจากรถลากจูงมาติดตั้งในเรือ ใช้คนอย่างน้อย 3 คน
เมื่อติดตั้งสำเร็จบริเวณหัวเรือ กลับไม่สามารถนำเรือลงสู่น้ำได้ เพราะติดที่เครื่องสูบน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ทำให้เรือติดพื้น จึงต้องถอดออกก่อน จนต้องนำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งเมื่อเรืออยู่ในน้ำ
การสาธิตทำให้เห็นอีกว่าเรือแอร์โบ๊ทดับเพลิง ที่ กทม.จัดซื้อมาในราคารวมอุปกรณ์ 9 ล้าน 8 แสนบาทต่อลำ ไม่สามารถถอยหลังได้ ทำให้เรือเบรคไม่ได้ เครื่องยนต์ใบพัดเรือเสียงดัง แรงลมที่สูงมาก ขณะเรือวิ่ง จะมีน้ำกระจายท้ายตัวเรือเป็นวงกว้าง แม้ระหว่างสาธิต จะเห็นปัญหาหลายจุด วิทยากรของกรุงเทพมหานคร ยังอ้างว่า เรือแอร์โบ๊ทที่ไม่สามารถถอยหลังได้ ไม่เป็นปัญหาต่อการใช้งาน แต่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการกลับลำเรือ
สำหรับเรือดับพลิงชุดนี้ จัดซื้อมาในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ยังคงจอดอยู่ในสถานีดับเพลิงสามเสนทั้ง 4 ลำ รวมมูลค่า 38,960,000 บาท ในสภาพใหม่ มีพลาสติกห่อหุ้ม และเชือกรัดอุปกรณ์ครบทุกอย่าง
เรือดับเพลิงชุดนี้ เป็นเรือท้องแบน ขับเคลื่อนด้วยกำลังลม มี 3 ใบพัด มีที่นั่งคนขับ 2 ที่นั่ง พร้อมแผงควบคุม ส่วนที่นั่งด้านหน้าเรือ มี 2 แถว แถวละ 3 ที่นั่ง สำหรับเจ้าหน้าที่
ในขอบเขตงาน หรือทีโออาร์ เขียนว่า เรือดับเพลิง จะเพิ่มประสิทธิภาพการดับเพลิงบ้านเรือนริมน้ำ และภัยจากการเผาวัชพืชในที่โล่ง บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำขัง เนื่องจากรถไม่สามารถเข้าปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ โดย บริษัทที่ชนะการประกวดราคาคือบริษัท ดี แอล เอ็ม โซลูชั่นส์ ในราคารวม 4 ชุด 38,960,000 บาท
อธิชา สุขจิตสำราญ รายงาน