ทีมนิวมีเดีย PPTV ยังคงเดินทางสำรวจจุดเสี่ยงถนนทั่วประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ทีมงานลงพื้นที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หนึ่งในพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนบ่อยครั้ง แม้จะเป็นอำเภอที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่เนื่องจากเป็นทางที่เชื่อมสู่ถนนสายหลัก ทำให้เส้นทางในอำเภอนี้มีรถสัญจรตลอดเวลา จึงก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง..
จากการเก็บรวมรวมสถิติของ รพ.ทุ่งใหญ่ พบว่าระหว่างปี 2555 – 2557 ในพื้นที่เขตอำเภอทุ่งใหญ่ เกิดอุบัติเหตุขึ้นเฉลี่ย 1,000 ครั้ง/ปี มีผู้บาดเจ็บไม่น้อยกว่า 1,600 ราย/ปี และเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 15 ราย/ปี มากกว่า 80% เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งแน่นอนว่าสาเหตุหลักเกิดจากการไม่สวมหมวกกันน็อค แต่นอกจากปัจจัยหลักแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจัยเสริมอื่นๆ ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะสภาพถนนที่ค่อนข้างแคบและไหล่ทางไม่ได้มาตรฐาน
ยุวธิดา พงศ์สว่าง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.ทุ่งใหญ่ เล่าว่าจากการลงพื้นที่วิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ บริเวณถนนสายทุ่งใหญ่-หลักช้าง ระยะทางจากถนนเอเชียเข้าอำเภอทุ่งใหญ่ 15 กม. ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในเขตอำเภอพบว่า ถนนเส้นนี้มีรถคมนาคมสัญจรค่อนตลอดเวลา เนื่องจากเป็นถนนสายหลักจากตัวเมืองเข้าสู่ จ.กระบี่ ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมักเกิดในฤดูฝน เนื่องจากบริเวณริมทางมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้หลังฝนตกหนักเกิดน้ำขังในหลายจุด ประกอบกับพฤติกรรมการขับขี่ของชาวบ้าน โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะไม่สวมหมวกกันน็อค และขับขี่กินพื้นที่ถนนเข้าไปเกือบกึ่งกลางช่องทางจราจร ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่และภาคีเครือข่ายป้องกันอุบัติเหตุ จึงเข้ามรณรงค์ให้ความรู้และปลูกฝังการขับขี่ที่ถูกต้อง แต่อย่างที่กล่าวไปว่าสภาพไหล่ทางมักมีน้ำท่วมขัง ทำให้ชาวบ้านยังคงขับขี่กินเลนเข้ามาในช่องทางรถยนต์ บริเวณนี้จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง
“ในช่วงฤดูฝนเกิดอุบัติเหตุขึ้นถี่มาก เฉลี่ยแล้วทางสายนี้เกิดเหตุทุกๆ 1-2 กม. ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงที่ฝนตกแต่ละครั้ง มักจะเกิดอุบัติเหตุไม่ต่ำกว่า 4-5 กรณี รวมแล้วต่อปีเฉพาะถนนเส้นทุ่งใหญ่-หลักช้าง เกิดอุบัติเหตุขึ้นประมาณ 60-70 ครั้ง โดยเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์มากที่สุด”
สำหรับแนวทางแก้ไขจุดเสี่ยงนั้น พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.ทุ่งใหญ่ บอกว่า เครือข่ายป้องกันอุบัติเหตุได้เสนอ ให้มีการขยายช่องทางจราจรและปรับปรุงไหลทางไปยังหมวดการทาง ซึ่งหมวดการทางก็ได้เสอนโครงการไปยังแขวงการทางจังหวัด แต่ที่ผ่านมาโครงการไม่ได้รับการอนุมัติถูกปัดตกตลอด จึงอยากให้โครงการนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณโดยเร็ว เนื่องจากตลอดเส้นทางถนนทุ่งใหญ่-หลักช้าง ถนนแคบมากและไหลทางก็ชำรุดตลอดสาย ไม่เฉพาะในจุดเสี่ยงหลักบริเวณหน้า อบต.ปริก เท่านั้น
ขณะที่ โสภณ นาวารัตน์ หัวหน้าหมวดทางหลวงนาบอน จ.นครศรีธรรมราช มองว่า โดยรวมสภาพถนนในจุดนี้ค่อนข้างดี จึงเป็นไปได้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจเกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ใช้ความเร็ว และการขาดความระมัคระวังของชาวบ้าน โดยเฉพาะในจังหวะที่ออกจากตรอกซอกซอย แต่เนื่องจากข้อมูลการสอบสวนอุบัติเหตุ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระบุว่าถนนเส้นนี้มีจุดเสี่ยงสำคัญ ที่เป็นปัจจัยเสริมในการเกิดอุบัติเหตุ คือถนนแคบมีเพียง 2 ช่องทางจราจร และหลังฝนตกหนักจะเกิดน้ำท่วมขังบริเวณไหลทาง โดยเฉพาะช่วง กม.ที่ 10 บริเวณหน้า อบต.ปริก เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นแอ่งกระทะและไม่มีทางระบายน้ำ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำรถแบคโฮ มาปรับพื้นที่ริมถนนให้น้ำสามารถไหลไปยังที่ต่ำเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่การขุดร่องน้ำทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมถนนเข้าบ้านลำบาก ไม่นานร่องน้ำก็ถูกถมดินกลับเหมือนเดิม จึงต้องรอการอนุมัติงบประมาณ สำหรับนำมาการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร
“ที่ผ่านมาหมวดทางหลวงนาบอน ได้เสนอโครงการปรับปรุงถนน โดยการขยายช่องทางจราจร และฝั่งทอระบายน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำขังทุกปี รวมระยะทาง 15 กม. แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณ เนื่องจากต้องรอจัดลำดับความสำคัญ ตามระเบียบการจัดสรรในแต่ละปี”
หัวหน้าหมวดทางหลวงนาบอน เชื่อว่าในอนาคตหากได้รับจัดสรรงบประมาณ ตามโครงการที่เสนอไปจะสามารถช่วยลด ปัจจัยเสริมและความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุลงได้ เนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นทางเชื่อมสู่ตัวจังหวัด และเชื่อมต่อระหว่างตำบลสู่ถนนเอเชีย ในแต่ละวันจะมีรถสัญจรไม่ต่ำกว่า 4 พันคัน แต่หากเป็นช่วงเทศกาลจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม เขากังวลว่าหากถนนดีขึ้นอาจยิ่งทำให้ ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น การเคารพกฎจราจรและขับขี่ด้วยความไม่ประมาท น่าจะเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุ ไม่น้อยไปกว่าการปรับปรุงถนนให้ปลอดภัยมากขึ้น
