กลายเป็นกระแสดังในสังคมออนไลน์อีกครั้ง หลังมีผู้พบแผงขายอาหารทะเลใน จ.กระบี่ ขายปลานกแก้ว ซึ่งเป็นปลาทะเลที่มีความสำคัญต่อแนวปะการัง โดยก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยเคยมีการรณรงค์ครั้งใหญ่ หลังพบห้างสรรพสินค้าชื่อดังวางขายปลาชนิดนี้ จนในที่สุดผู้ประกอบการยอมสั่งยกเลิกขายปลาดังกล่าว
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันแม้คนไทยจะรู้ว่าปลานกแก้ว มีความสำคัญต่อแนวปะการัง แต่ยังคงพบมีการวางขายตามตลาดและร้านค้า เนื่องจากขณะนี้ปลานกแก้วยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง แม้ว่าที่ผ่านมา 10 กว่าปีได้มีพยายามผลักดันกฎหมาย ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2 หน่วยงาน ได้แก่ 1.กรมประมง โดยการออกประกาศห้ามทำการประมงปลานกแก้ว เช่นเดียวกับประกาศห้ามล่าฉลามวาฬ
และ 2.กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยการออก พ.ร.บ.สัตว์สงวนและสัตว์คุ้มครอง แต่เนื่องจากกฎหมายทั้งสองมีข้อกำจัดในแง่ของการเอาผิด โดยต้องจับกุมขณะกระทำผิด เพราะถือเป็นการกระทำที่มีเจตนาล่าชัดเจน ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่มีอยู่อย่างจำกัด และที่สำคัญชาวประมงมักอ้างว่า ไม่ได้มีเจตนาจับแต่ปลานกแก้วติดขึ้นมาเอง การออกกฎหมายเพื่อหวังเอาผิดจึงค่อนข้างยาก
“ที่ผ่านมามีความพยายามหลายครั้ง ในการผลักดันกฎหมายเพื่อคุ้มครองปลานกแก้ว แม้ยังไม่ผ่านความเห็นชอบแต่ยังคงต้องทำต่อไป ควบคู่กับการรณรงค์ให้ความรู้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากยังมีการล่า ขาย และกินปลาชนิดนี้ ซึ่งในระยะหลังสังคมไทยมีความตื่นตัวมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม แม้การออกกฎหมายคุ้มครองโดย จะมีข้อกำจัดและยังไม่ผ่านความเห็นชอบ แต่ใช่ว่าขณะนี้การกวดขันหรือป้องกัน การจับปลานกแก้วจะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากปลานกแก้วอยู่ตามแนวปะการัง ซึ่งตามกฎหมายแล้วไม่สามารถจับสัตว์น้ำในบริเวณนี้ได้ ที่สำคัญตามข่าวล่าสุดที่ระบุว่าพบ มีการวางขายในตลาด จ.กระบี่ โดยพ่อค้าแม่ค้าซื้อมาจากชาวประมง จ.พังงา ซึ่งตามกฎหมายแล้วพื้นที่ใน จ.กระบี่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ดังนั้น หากมีการเข้มงวดกวดขันตรวจตรา ก็จะสามารถลดการจับปลานกแก้วลงได้ ขณะเดียวกันภาคประชาชน ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาหากพบเห็นร้านค้าที่ยังวางขาย ก็ไม่ควรสนับสนุนเพราะนั่นหมายถึงการห่วงใยท้องทะเลไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกระแสข่าวพบเห็นการวางขายปลานกแก้ว แพร่กระจายตามสื่อสังคมออนไลน์ ล่าสุด กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ออกหนังสือถึงประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย ข้อความร่วมมืองดทำการประมงปลานกแก้วในแนวประการัง ใจความสำคัญระบุว่าเนื่องจากปลานกแก้วมีประโยชน์ ต่อการสร้างความสมดุลของระบบนิเวศแนวปะการัง เพราะช่วยกินสาหร่ายทะเลที่ปกคลุมปะการัง ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการสังเคราะห์แสง
นอกจากนี้ การแทะเล็มสาหร่ายยังเป็นการลดปริมาณไม่ให้มากเกินไป จนปกคลุมพื้นที่ทำให้ตัวอ่อนปะการังลงเกาะพื้นไม่ได้ ปลานกแก้วจึงเปรียบเสมือนผู้ทำความสะอาดแนวปะการัง ช่วยให้การฟื้นตัวของแนวปะการังเกิดขึ้นตามธรรมชาติได้ ประกอบกับมูลของปลานกแก้ว มีลักษณะเป็นผงสีขาวที่เป็นหินปูน สามารถช่วยเพิ่มเนื้อดินทรายบนชายหาดในบริเวณนั้นได้
