วันนี้ (4 ก.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกรายงานแนะผู้ประกอบการไทยขยายตลาด และปรับตัวรองรับนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซันนี้ โดยระบุว่าแม้นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางจะมีสัดส่วนการท่องเที่ยวในประเทศไ ทยอยู่ที่ประมาณ 2.6% ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของไทย แต่เมื่อพิจารณาในมุมของรายได้ท่องเที่ยว พบว่าตลาดนี้มีการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ประมาณ 70,000บาท ต่อคนต่อทริป ใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวจากยุโรป ซึ่งสูงกว่าภาพรวมและตลาดหลักอย่างจีน ที่จะมีการใช้จ่ายเงินอยู่ที่ประมาณ 47,000บาท ถึง 48,000บาท ต่อคนต่อทริป และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เดินทางกลับมาท่องเที่ยวซ้ำในไทยในอัตราที่สูงกว่าบางตลาด อย่างตลาดเอเชียด้วย
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง จะเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยตลอดทั้งปี แต่นิยมมาเที่ยวมากช่วงหลังเดือนรอมฏอน คือช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี โดยตลาดกลุ่มนี้ส่วนใหญ่นิยมพาครอบครัวเข้ามาพักผ่อนในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ทะเล ภูเขา และกิจกรรมอื่นๆ อย่างการรับประทานอาหารไทย การช้อปปิ้ง การรับบริการนวดไทย สปา รวมถึงการรับบริการทางการแพทย์ อย่างการตรวจสุขภาพ เป็นต้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2559 จะมีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวน 6.95 แสนคน เพิ่มขึ้น 5.5% จากปีที่แล้ว โดยผู้ประกอบการที่มีแผนจะหันมาทำตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง อาจต้องปรับการให้บริการให้สอดคล้องกับวิถีชาวมุสลิม โดยเฉพาะมาตรฐานฮาลาลไม่ว่าจะเป็นอาหารและที่พักให้เหมาะสมด้วย
ทางด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการเตรียมออกแพ็กเกจ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวระยะสั้น ซึ่งจะเป็นเชิงโปรโมทและโฆษณาเชิญชวนประชาชนออกมาท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ โดยในระหว่างนี้ ควรต้องรอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สรุปมาตรการ หรือ แพ็กเกจ ออกมาก่อน ขณะที่ มาตรการทางภาษีนั้น คงไม่มีออกมาเพิ่มเติม เนื่องจากที่ผ่านมา ทางกระทรวงการคลัง และรัฐบาลเอง ก็ได้สนับสนุน ด้านการท่องเที่ยว โดยการหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อนำมาหักในส่วนของรายละไม่เกิน 15,000 บาท ไปแล้วก่อนหน้านี้
