วันนี้ (30 ก.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สรุปว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผาบ้านของนายคออี้ มีมิ ผู้นำชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยบน หรือ ใจแผ่นดิน วัย 105 ปี และบ้านของชาวกะเหรี่ยงอีก 5 คน ชอบด้วยกฎหมายและบอกว่าบ้านบางกลอยไม่ใช่ชุมชนดั้งเดิม จนทำให้นายคออี้ ไม่สามารถกลับไปอยู่ในจุดเดิมที่เขาเรียกว่าบ้านเกิดได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นกระแสสังคมที่ตั้งคำถามต่อการพิจารณาของศาลปกครองกลางว่า ตรวจสอบหลักฐานและข้อมูลทางประวัติศาสตร์ครบถ้วนหรือไม่ และตัดสินใจเช่นนี้ จะกลายเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจด้วยความรุนแรงหรือไม่
นายสมชาย งามวงศ์ชน ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ในฐานะโฆษกศาลปกครอง ชี้แจงว่า การพิจารณาของศาลจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักของข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายอย่างครบถ้วน และแม้ว่าจะมีหลักฐานยืนยันได้ว่า ชาวบ้านได้อยู่อาศัยมาก่อนการประกาศเขตอุทยานหรือไม่ แต่สภาพพื้นที่ก็เป็นป่าที่กฎหมายห้ามเข้าไปใช้ประโยชน์
ทั้งนี้ช่วงหนึ่งของการแถลง โฆษกศาลปกครอง ยังฝากเตือนประชาชนและสังคม หากจะวิพากษ์วิจารณ์ในคดีที่ยังไม่สิ้นสุด
หลังแถลงข่าว นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความ หัวหน้าคณะทำงานช่วยเหลือชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย เปิดเผยกับทีมข่าว PPTV ว่า จะยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด ภายในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ และเตรียมนำเอกสารชิ้นสำคัญยื่นต่อศาล โดยหวังว่า ศาลปกครองสูงสุด จะนำมิติทางวัฒนธรรมและสังคมดั่งเดิมมาพิจารณาด้วย