ภาพที่ชินตาของคนไทยทุกคน เป็นภาพที่เมื่อครั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินไปในที่ต่างๆ เราจะเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประคององค์พระราชมารดาไปตลอดเส้นทาง แม้ว่าจะมีทั้งทหารคนสนิท ราชองครักษ์ เจ้าหน้าที่พยาบาล ที่จะคอยถวายการอารักขาดูแล แต่สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแล้ว ทรงไม่ยินดีที่จะให้ผู้อื่นทำเช่นนั้น โดยพระองค์มักจะรับสั่งว่า
"ไม่ต้อง คนนี้แม่เรา เราประคองเอง ตอนเล็กๆแม่ประคองเรา สอนเราเดิน หัดให้เราเดิน เฉพาะฉะนั้น ตอนนี้แม่แก่แล้ว เราต้องประคองแม่เดิน เพื่อเทิดพระคุณท่าน....ไม่ต้องอายใคร"
ภาพที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประคองสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ถือเป็นภาพที่ประทับในหัวใจคนไทยทั้งประเทศ และต่างชื่นชมในพระจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงคุณธรรมอันสูงสุดของผู้ปกครองแผ่นดินที่แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทิตาต่อพระชนนี โดยภายหลังที่งานพระศพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสร็จสิ้นลงแล้ว ราชเลขานุการของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ออกมาแถลงต่อหน้าสื่อมวลชนว่า
"ในตอนนั้นสมเด็จฯย่าทรงมีอายุ93ปีแล้ว ในหลวงภูมิพลท่านเสด็จฯจากวังสวนจิตรฯมายังวังสระปทุมตอนเย็นทุกวัน เพื่อมากินข้าวกับแม่ คุยกับแม่ ทำให้แม่ชุ่มชื่นหัวใจ"
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงใส่พระราชหฤทัยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ถึงแม้จะทรงมีพระราชกรณียกิจนานับปการ และประทับอยู่คนละแห่งกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะประทับอยู่ที่พระตำหนักสวนจิตรลดา ขณะที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจะประทับอยู่ที่วังสระปทุม แต่ในหลวงจะเสด็จพระราชดำเนินไปเสวยพระกายาหารเย็นกับสมเด็จแม่ถึงสัปดาห์ละ 5 วัน และหลังจากเสวยพระกระยาหารแล้ว จะทรงนั่งคุยกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสมอ และมักจะรับสั่งว่า
"..แม่เคยสอนอะไรที่สำคัญๆ อยากฟังแม่สอนอีก.."
และในขณะที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประชวรหนักอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมในเวลาหลัง 1.00 นาฬิกา ด้วยเหตุผลว่า ไม่อยากให้ราษฎรเดือดร้อนจากรถติดหากมีขบวนเสด็จ และหลังจากทรงเยี่ยมสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีแล้ว พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลาประมาณ 4 นาฬิกา
มีอยู่ครั้งหนี่งที่ในหลวงทรงพระประชวรพร้อมสมเด็จแม่ โดยประทับอยู่คนละด้าน แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่พยาบาลเข็นรถที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีประทับอยู่มาเปลี่ยนพระอริยาบถด้านนอกห้องประทับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า
"..นี่แม่ของเรา ทำไมต้องให้คนอื่นเข็ญ เราเข็ญเองได้.."
และครั้งสุดท้าย ในวันก่อนที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจะสวรรคตนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ประทับอยู่กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจนถึงเวลา 5 นาฬิกา ได้ทรงจับพระกร ทรงกอดสมเด็จแม่ และทรงดูแลอย่างนั้นทั้งคืน กระทั่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีบรรทมไป ในหลวงจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ แต่พอถึงวันต่อมาได้มีโทรศัพท์แจ้งพระองค์ว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีสิ้นพระชนม์แล้ว ทรงรีบเสด็จพระราชดำเนินกลับไปโรงพยาบาลศิริราช ทอดพระเนตรสมเด็จแม่บรรทมบนเตียงผู้ป่วย ในหลวงเข้าไปทรงกราบลงที่หน้าอกแม่ พระพักตร์ในหลวงตรงกับหัวใจแม่ “ขอหอมหัวใจแม่เป็นครั้งสุดท้าย” ซบพระพักตร์นิ่งอยู่นาน แล้วค่อยๆ เงยพระพักตร์ขึ้น น้ำพระเนตรไหลนอง...
ความกตัญญูกตเวทิตาแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แสดงให้ประชาชนคนไทยได้ประจักษ์ชัดแล้วว่า “ผู้เป็นลูกไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็สมควรรักและเทิดทูนผู้เป็นแม่ของตนมิเสื่อมคลาย” ดั่งที่พระมหากษัตริย์ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีตลอดมา