วันนี้ (4 พ.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขุดเรื่องเลวร้ายของแต่ละฝ่ายออกมาประจาน เป็นส่วนหนึ่งของการหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองจากประเทศไหน ที่เราจะได้ยินได้ฟังมาตลอด แต่สิ่งที่คนสนใจมากกว่านั้นก็คือ นโยบายการบริหารประเทศ ที่ของใครจะถูกใจผู้คนมากที่สุด
เรื่องแรกคือปัญหาปากท้องที่ทั้งชาวอเมริกันเองและคนทั่วโลกให้ความสนใจ ซึ่งแน่นอนว่าภูมิหลังของทั้งสองคนต่างกันอย่างสิ้นเชิง นางคลินตันอยู่ในวงการเมืองมากว่าครึ่งชีวิต ส่วนนายทรัมป์เป็นนักธุรกิจมาโดยตลอด
นางคลินตันสนับสนุนข้อตกลงการค้าเสรี และเคยนิยมชมชอบนโยบาย ”ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก” หรือ TPP แต่ตอนหลังมากลับลำต่อต้าน เพราะเห็นว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ชอบใจนัก
ส่วนนายทรัมป์มีนโยบายที่ตรงใจชนชั้นรากหญ้าและชั้นกลางในสหรัฐฯ มากกว่า โวยการชูนโยบายดึงธุรกิจของชาวอเมริกัน กลับมาสหรัฐฯ ลงโทษบริษัทที่ไม่ยอมทำตาม รวมถึงเก็บภาษีอากรสินค้าจากจีนมากขึ้น เพราะสินค้าจากจีนมีราคาถูก จนของที่ผลิตในประเทศสู้ราคาไม่ไหว
อีกหนึ่งนโยบายที่ชาวอเมริกันยอมรับว่าไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่เป็นที่สนใจของชาวโลกมากเป็นพิเศษ นั่นก็คือนโยบายต่างประเทศ
เรื่องนี้นางคลินตันได้เปรียบอยู่ไม่น้อย เพราะเคยเป็นทั้งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และรัฐมนตรีต่างประเทศมา 1 สมัยเต็มๆ
นางคลินตันสนับสนุนเรื่องจากส่งทหารไปประจำการตามภูมิภาคต่างๆ ในขณะที่นายทรัมป์ชูนโยบาย ”อเมริกาเฟิร์ส” หรือประเทศสหรัฐฯ ต้องมาก่อน คือจะไม่ส่งทหารไปพร่ำเพรื่อ แต่จะสู่รบก็ต่อเมื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของคนอเมริกันเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ถือว่าได้ใจคนอเมริกันระดับรากหญ้า ที่ไม่สนใจเรื่องต่างประเทศไปเต็มๆ
นางคลินตันบอกว่าสหรัฐฯ ต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทั่วโลก เพราะไม่เช่นนั้น จะเกิดสุญญากาศทางอำนาจ ตรงข้ามกับนายทรัมป์ที่ต้องการให้ประเทศต่างๆ ช่วยเหลือตัวเอง แถมยังสนับสนุนให้แต่ละประเทศหาอาวุธนิวเคลียร์มาประจำการเพื่อดูแลตัวเอง
อีกหนึ่งนโยบายที่ได้รับความสนใจไม่น้อยก็คือ นโยบายต่อคนเข้าเมือง ฝั่งนางคลินตันดูเหมือนจะเอาใจคนต่างด้าวมากเป็นพิเศษ ทั้งเปิดทางให้คนเข้าเมืองผิดกฏหมาย ได้สิทธิเป็นพลเมืองอเมริกัน ให้งานทำ และให้สิทธิเข้าถึงการรักษาพยาบาล หรือที่เรียกว่า ”โอบาม่าแคร์”
ส่วนนายทรัมป์นั้นตรงข้ามโดยสิ้นเชิง เขายึดนโยบายเนรเทศคนต่างด้าว สร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก โดยให้เม็กซิโกจ่ายค่าก่อสร้าง เพื่อหยุดยั้งคนเข้าเมืองผิดกฏหมาย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายที่ทั้งสองฝ่ายชูขึ้นมาในการหาเสียง แต่แม้จะเป็นเพียงส่วนเดียว ก็สำคัญและกระทบไปทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้