ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดเมื่อคืนปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากตลาดยังคงได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า นางฮิลลารี คลินตัน จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,332.74 จุด เพิ่มขึ้น 73.14 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2139.56 จุด เพิ่มขึ้น 8.04 จุด
แต่หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแนวโน้มนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนำนางฮิลลารี คลินตัน ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ซื้อขายล่วงหน้าร่วงลงกว่า 400 จุด ดัชนี S&P500 ซื้อขายล่วงหน้าก็ร่วงลงกว่า 2,100 จุด
ส่วนตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดเมื่อเวลา 10 นาฬิกา ปรับตัวลดลงเนื่องจากวิตกกังวลว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มได้รับชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดที่ 1,498.81 จุด ลดลง 11.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 373 ล้านบาท โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยว่าผลคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นตัวแปรที่สำคัญต่อตลาดหุ้นมากที่สุดโดยประเมินว่าถ้านางฮิลลารีชนะ ตลาดจะบวกได้ไม่มาก ไม่น่าเกิน 1,521 จุด เพราะตามการคาดหมาย แต่ถ้าหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นจะลบได้มากกว่า เพราะตลาดหุ้นไม่ได้คาดการณ์ไว้แบบนั้น
สำหรับค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.95 – 34.96 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนทิศทางค่าเงินนั้นนักวิเคราะห์ได้มองว่าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะปรับตัวอ่อนค่าลงทันที แต่ถ้าหากนางฮิลลารี คลินตัน ได้เป็นประธานาธิบดี ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะปรับตัวแข็งค่าขึ้นเพราะถือว่าเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด และน่าจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ย ในเดือนธันวาคมนี้
ด้านราคาทองคำในประเทศวันนี้มีการปรับราคาขึ้นมาแล้ว 6 ครั้ง รวม 500 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่ 21,700 บาท ขายออกที่ 21,800 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้ออยู่ที่ 21,315 บาท ขายออก 22,300 บาท
โดยบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ถ้านางฮิลลารี คลินตัน ชนะการเลือกตั้งราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways down แต่ในทางกลับกันถ้านายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งราคาทองคำจะปรับขึ้นแรงทะลุ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์