วันนี้ (11 พ.ย. 59) สื่อต่างชาติรายงานว่า กลุ่มผู้ไม่ยอมรับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เดินขบวนประท้วงอย่างสงบ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 4,000 คน ได้บานปลายเป็นเหตุรุนแรงอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำความเสียหายให้กับรถยนต์และร้านค้าต่างๆ รวมถึงขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ตำรวจเมืองพอร์ตแลนด์ออกมาประกาศว่า สถานการณ์ในเมืองเข้าข่ายการก่อจลาจล เนื่องจากมีผู้ชุมนุมกระทำผิดกฎหมายและมีพฤติกรรมที่เป็นอันตราย
จากเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้กระสุนยางและกระบองเพื่อควบคุมกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่ปฏิบัติตามคำเตือนที่ให้สลายการชุมนุม ขณะที่มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 26 คน ถูกจับกุม
เช่นเดียวกันกับที่เมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย กลุ่มผู้ประท้วงร่วมพันคน ได้ทุบกระจก ฉีดสีสเปรย์สร้างความเสียหายบนอาคารต่างๆ รวมถึงโยนระเบิดขวดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องควบคุมสถานการณ์และจับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 11 คน
ส่วนที่นครลอสแองเจลิส ตลอดช่วงคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงแล้วกว่า 185 คน โดยบางส่วนต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมในการปิดถนน ขณะที่หลายคนเป็นผู้เยาว์ที่ฝ่าฝืนกฎเคอร์ฟิว
ขณะเดียวกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์เกี่ยวกับเหตุชุมนุมประท้วงเป็นครั้งแรกว่า “การเลือกตั้งโปร่งใสและผ่านไปด้วยดี แต่กลับมีนักประท้วงมืออาชีพที่ถูกปลุกเร้าโดยสื่อที่ไม่เห็นด้วย ไม่แฟร์เลยจริงๆ”
หลังจากนั้น ทรัมป์ ก็ได้ทวีตอีกข้อความในช่วงเย็นด้วยคำพูดที่อ่อนลงกว่าครั้งแรก ว่า “ชอบที่กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อย แสดงความกระตือรือร้นเพื่อประเทศของเรา เราทุกคนจะร่วมเดินไปด้วยกันอย่างภาคภูมิใจ”